เผลอแป๊บเดียว เราก็อยู่กับโควิด-19 มาร่วมสองปีแล้ว แต่ในวันนี้แสงสว่างก็เริ่มประกายแสงที่ปลายอุโมงค์ เพราะวัคซีนได้เดินทางมาถึงประเทศไทยแล้ว!

บริษัทผลิตวัคซีนทั่วโลกต่างเร่งกำลังผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพราะเกรงว่าหากทุกคนยังต้องใช้ชีวิตโดยปราศจากวัคซีนแล้วละก็ เศรษฐกิจที่หยุดชะงักอยู่จะยิ่งพังไม่เป็นท่าและยากที่จะกู้กลับมาให้เหมือนเดิมในเร็ววัน แม้แต่ชีวิตประจำวันก็ต้องพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย

ล่าสุดผู้นำจากนานาประเทศเริ่มฉีดวัคซีนเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนรวมถึงไทยเองด้วยมาดูกันดีกว่าว่าเมื่อไรจะถึงคิวเราและมีอะไรที่เราต้องรู้บ้าง

ทำไมต้องฉีดวัคซีน

ก็เพื่อจะสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ไม่ให้อาการรุนแรงเกินไปหากได้รับเชื้อโควิด-19 แม้จะร่างกายแข็งแรงดีก็ควรฉีดเพื่อป้องกันตัวเองไม่ให้แพร่เชื้อสู่คนอื่นๆ แต่ก็ไม่ควรชะล่าใจในการป้องกันตัวเองขั้นพื้นฐาน

วัคซีนไม่ได้ป้องกันการติดเชื้อและการแพร่เชื้อ ยังไงกฎเหล็ก 3 ข้อก็ยังต้องยึดให้มั่นปฏิบัติตามเหมือนเดิม คือ ล้างมือให้บ่อย เว้นระยะห่าง และสวมหน้ากากอนามัยเสมอ

เวทีมวยจำลอง : คู่ชกโควิด-19 และวัคซีน

เมื่อฉีดวัคซีนแล้ว ร่างกายจะเหมือนมีคู่ซ้อมในการต่อสู้กับโควิด-19
• พอไม่ใช่เชื้อโควิด-19 จริงๆ ก็เลยเหมือนกับการที่เราซ้อมไปเรื่อยๆ จนกระทั่งร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมา
• หากติดเชื้อขึ้นมา ร่างกายก็พร้อมลงสนามแล้ว เม็ดเลือดขาวที่สั่งซ้อมมาตลอดก็จะสามารถต่อสู้กับโควิด-19 ได้
• และก่อนที่เราจะป่วยหนัก เม็ดเลือดขาวก็จะปล่อยหมัดฮุกเพื่อสกัดเจ้าโควิด-19 ให้ยกธงขาวจนได้

เมื่อวัคซีนมีจำกัด ใครกันที่จะได้ฉีดก่อน

ตอบง่ายๆ คือ กลุ่มเสี่ยงทั้ง 4 กลุ่ม ได้แก่ บุคลากรทางการแพทย์ผู้เป็นด่านหน้าผู้มีโรคประจำตัวเป็นกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs เช่น โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดสมอง โรคความดันโลหิตสูง เจ้าหน้าที่ที่ดูแลเกี่ยวกับการควบคุมโรค และผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปหรือผู้สูงวัย

เพราะวัคซีนที่เดินทางมาถึงยังมีไม่เพียงพอต่อประชากรทั้งประเทศ จึงต้องลำดับความสำคัญก่อนหลังให้ผู้สุ่มเสี่ยงก่อนเป็นอันดับแรก

โดยผู้ที่มีโรคประจำตัวดังกล่าวและผู้สูงวัย ถ้าพวกเขาได้รับเชื้อโควิด-19 จะมีโอกาสเสียชีวิตสูงกว่าคนกลุ่มอื่นแม้แต่เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์และผู้ควบคุมโรคก็ตามพวกเขายังต้องเผชิญกับผู้คนมากหน้าหลายตาทั้งต้องคัดกรองและใช้วิชาชีพเพื่อดูแลรักษาผู้ป่วยด้วย

มาดูกัน ใครบ้างที่ฉีดวัคซีนไม่ได้

สำรวจดูซิว่าคุณเป็นคนในกลุ่มที่จะไม่ได้รับวัคซีนหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ ก็สบายใจได้เลย คุณจะได้รับการฉีดวัคซีนฟรีแน่นอน เพียงแต่ต้องรอคิวหน่อยเท่านั้นเอง

• เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี (แต่สำหรับวัคซีนบางยี่ห้อสามารถฉีดได้ตั้งแต่อายุ 16 ปี)
• 
ผู้ป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่องรุนแรง หรือผู้รับยากดภูมิคุ้มกันของร่างกาย (Immunosuppressant)
• 
สตรีตั้งครรภ์หรืออยู่ระหว่างการให้นมลูก

3 กลุ่มนี้คือผู้ที่ไม่ได้ไปต่อ (ยังไม่ควรฉีดวัคซีนตอนนี้) เนื่องจากยังไม่มีผลการทดลองที่ปลอดภัยสำหรับกลุ่มคนเหล่านี้ จึงควรเลี่ยงการฉีดวัคซีนไปก่อน หากคุณอยู่ในสามกลุ่มนี้ แต่เป็นผู้มีความเสี่ยงสูง ก็สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาการรับวัคซีนและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้

วัคซีนพร้อม หมอพร้อม แล้วเราพร้อมหรือยัง

ปัจจุบันมีวัคซีนที่สามารถฉีดได้ในประเทศไทยทั้งหมดด้วยกัน 2 ชนิด คือ วัคซีนชนิดใช้ไวรัสเป็นพาหะ จากออกซ์ฟอร์ดแอสตราเซเนกา (Oxford – AstraZeneca) และวัคซีนชนิดเชื้อตาย จากซิโนแวค (Sinovac) ทั้งสองได้รับการขึ้นทะเบียนรับรองให้ใช้โดยคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อสร้างความมั่นใจในประสิทธิภาพและความปลอดภัย

โดยผู้ที่ต้องการฉีดวัคซีนฟรีสามารถลงทะเบียนจองคิวได้ 4 ช่องทางด้วยกัน คือ Line Official Account ‘หมอพร้อมแอปพลิเคชันหมอพร้อมโรงพยาบาลที่ใช้บริการเป็นประจำ และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)

ใครที่มีสมาร์ตโฟนอยู่กับตัว ก็สามารถเลือกใช้สองช่องทางแรกได้เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการตรวจสอบสิทธิ์การฉีดวัคซีน และสามารถใช้นัดวันเวลาสถานที่ที่ต้องการฉีดได้เลย ทั้งยังใช้ในการนัดหมายครั้งต่อไป การติดตามอาการรวมถึงได้รับใบรับรองการฉีดวัคซีนด้วย เรียกว่าครบจบทุกขั้นตอนเลย ซึ่งแอปฯหมอพร้อมจะพร้อมให้ใช้บริการต้นเดือนพฤษภาคมนี้

ข้อมูล ณ วันที่ 18 มีนาคม 2564 มีผู้ได้รับวัคซีนทั้งหมดเป็นจำนวน 61,719 คน และ 5,489 คน คือผู้มีอาการหลังฉีดวัคซีน อาการที่พบมากที่สุดคือ ปวด บวม แดง และร้อนบริเวณที่ฉีด ส่วนคลื่นไส้ และปวดศีรษะเป็นอาการรองลงมา

โปรดจำไว้เสมอว่า โควิด-19 ไม่ได้จากเราไปไหน แม้ได้รับวัคซีนแล้วก็อาจจะทำให้ ‘สบายใจขึ้นบ้างในการใช้ชีวิต แต่ก็ไม่ควรวางใจ เพราะวัคซีนนี้ก็ยังถือว่าใหม่มากและไม่สามารถป้องกันได้ 100% ยังต้องได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญต่อไป

หนังสือเดินทางวัคซีน

ความหวังในการฟื้นฟูการท่องเที่ยวจากทั่วโลก ตกมาอยู่ที่ไอเดียหนังสือเดินทางวัคซีน หรือ Vaccine Passport ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นบัตรผ่านทางให้สามารถเดินทางข้ามประเทศได้โดยที่ไม่ต้องกักตัว เมื่อได้ประทับตราว่าคุณได้รับการฉีดวัคซีนเรียบร้อยไอเดียนี้เริ่มต้นที่ประเทศอิสราเอลและได้เริ่มใช้จริงแล้วในประเทศ ส่วนหลายประเทศก็ยังพิจารณาถึงความเป็นไปได้ และยังต้องรอดูกันต่อไปว่าประสิทธิภาพของวัคซีนจะถึงระดับที่สามารถสร้างความมั่นใจให้กับนานาประเทศได้เมื่อไร

หมายเหตุ : หลังจากรับวัคซีน ให้เฝ้าดูอาการครึ่งชั่วโมง แต่หากมีอาการแพ้รุนแรง ให้รีบพบแพทย์ทันที หรือ โทร. 1669

ที่มาข้อมูล
www.thaihealth.or.th/เรื่องวัคซีนที่หมออยากบอก
www.thaihealth.or.th/เรื่องวัคซีนที่ผู้ป่วยโรคประจำตัวต่อไปนี้ควรรู้
www.thaihealth.or.th/ใครบ้างฉีดวัคซีนไม่ได้ ใช่เราหรือเปล่า?
www.thaihealth.or.th/ทำไมผู้สูงวัยต้องฉีดก่อน
www.thaihealth.or.th/วัคซีนกับวัยรุ่น ไม่ใช่เรื่องไกลตัว
www.bumrungrad.com
www.bangkokhospital.com
www.ddc.moph.go.th
Line Official Account หมอพร้อม

ภาพประกอบ: missingkk