วิชาสุขศึกษาบอกเรามาแต่อ้อนแต่ออกว่า นมวัวอุดมไปด้วยคุณประโยชน์มากมาย โดยเฉพาะโปรตีนที่ช่วยซ่อมแซมเซลล์และเนื้อเยื่อในร่างกาย แคลเซียมที่ทำให้กระดูกและฟันแข็งแรงเหมาะต่อการเจริญเติบโตของเด็ก แต่แล้วเวลาผ่านไป ข้อมูลวิจัยเกี่ยวกับชั้นบรรยากาศ ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากการผลิต (carbon footprint) ก็เริ่มชี้ให้เห็นว่า แม้นมวัวจะมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่กลับทำร้ายสุขภาพโลกแบบอ้อมๆ ในขณะเดียวกัน กลุ่มคนที่แพ้แลคโตสในนมวัวก็มีจำนวนเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีประชากรราวกว่า 65% ที่มีอาการแพ้ หรือชาวมังสวิรัติ เจ และวีแกนก็ต้องพึ่งพาทางเลือกอื่นที่แปรรูปมาจากธัญพืชแทน ซึ่งก็ถึงคราวที่ทำให้นมจากพืชเริ่มมาตีตลาดเคียงบ่าเคียงไหล่นมวัว ไม่ว่าจะเป็นนมโอ๊ต นมถั่วเหลือง หรือนมอัลมอนด์นั่นเอง

เลือกสิ่งที่ดีสำหรับโลก

โจทย์ยากมีอยู่ว่า การล้มโต๊ะส่ายหน้าให้นมวัวอาจไม่ใช่เรื่องง่ายที่ทำได้ทันทีสำหรับหลายคน แต่เราอยากให้จินตนาการตามผ่านตัวเลขต่อไปนี้ที่จะช่วยให้เห็นข้อมูลเชิงเปรียบเทียบง่ายขึ้นว่า แค่พฤติกรรมเล็กๆ อย่างการดื่มนมนั้นส่งผลต่อก๊าซเรือนกระจกอย่างไม่น่าเชื่อ และการดื่มนมทางเลือกนั้นช่วยเหลือโลกได้อย่างไร

การผลิตนมแต่ละชนิดในปริมาณ 1 แก้วหรือ 200 มิลลิลิตรนั้น แน่นอนว่าผู้ผลิตต้องใช้ทรัพยากรทั้งดินและน้ำในการผลิตสินค้าขึ้นมา ข้อแตกต่างมีอยู่ที่ว่าต้นทุนสิ่งแวดล้อมในการผลิตนมแต่ละชนิดมีอยู่ไม่เท่ากัน

นมวัว พื้นที่สำหรับการผลิตนมวัว 1 แก้วนั้นต้องมีขนาดใหญ่มากถึงอย่างน้อยสนามเทนนิส 2 คอร์ท เพื่อเป็นพื้นที่สำหรับเลี้ยงวัวนม ยังไม่นับรวมพื้นที่สำหรับปลูกพืชที่ต้องนำมาใช้เป็นอาหารของวัวอีก สัดส่วนของวัวนมทั่วโลกในตอนนี้มีอยู่ราวๆ 264 ล้านตัว ซึ่งกินพื้นที่มหาศาลบนโลก ไหนจะปริมาณน้ำที่การผลิตนม 1 แก้วต้องใช้น้ำมากถึง 125 ลิตร ทรัพยากรทั้งหมดนี้ รวมถึงตัววัวเองที่ปล่อยก๊าซมีเทนออกมาจากการตด ทำให้การผลิตนมวัว 1 แก้วสร้างคาร์บอนฟุตพรินต์ราว 0.64 กิโลกรัม

นมถั่วเหลือง นมจากพืชที่เราคุ้นเคยในบ้านเรามายาวนาน ต้นทุนสิ่งแวดล้อมในการผลิตนมถั่วเหลืองนั้นน้อยกว่านมวัวอย่างน้อย 3 เท่าตัว นมถั่วเหลือง 1 แก้วต้องใช้น้ำในการผลิตราว 5.6 ลิตรและสร้างคาร์บอนฟุตพรินต์ 0.2 กิโลกรัม อย่างไรก็ตาม การใช้พื้นที่ในการปลูกถั่วเหลืองกำลังถูกโจมตีอย่างหนัก เพราะถั่วเหลืองเป็นหนึ่งในอาหารหลักของวัวนม ทำให้ต้องถางป่าเพื่อสร้างฟาร์มถั่วเหลืองมากขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ในป่าแอมะซอนที่ถูกรุกล้ำมากขึ้นเรื่อยๆ และสำหรับผู้บริโภคที่แพ้โปรตีนในถั่ว นมถั่วเหลืองก็ดูจะไม่ใช่ทางเลือกที่ควรพิจารณาเท่าใดนัก

นมอัลมอนด์ นมจากพืชอีกชนิดที่ถือว่ามีคาร์บอนฟุตพรินต์ที่ต่ำ โดยการผลิตนมอัลมอนด์ 1 แก้วสร้างคาร์บอนฟุตพรินต์ราว 0.14 กิโลกรัม อย่างไรก็ตาม อัลมอนด์เป็นพืชที่หิวน้ำมาก นมอัลมอนด์ 1 แก้วต้องใช้น้ำในการผลิตมากถึง 74.2 ลิตร ซึ่งเป็นปริมาณที่มากกว่านมจากพืชชนิดอื่นๆ ราว 7-13 เท่าตัว นอกจากนี้ยังมีการสำรวจของ US Geological Survey และ Forbes พบว่า การปลูกอัลมอนด์ในระยะยาวส่งผลให้พื้นที่ในการปลูกแห้งผากตามไปด้วย และเช่นเดียวกันสำหรับผู้ที่แพ้ถั่วเปลือกแข็งที่มีปริมาณเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบันก็ไม่สามารถบริโภคนมอัลมอนด์ได้

นมโอ๊ต นมจากพืชที่อวดตัวเลขโดยรวมได้อย่างน่าประทับใจขึ้นไปอีก คาร์บอนฟุตพรินต์ในการผลิตนมโอ๊ต 1 แก้วนั้นอยู่ที่ 0.18 กิโลกรัม แม้จะดูเหมือนมากกว่านมอัลมอนด์อยู่เล็กน้อย แต่อย่าลืมว่านมโอ๊ตหนึ่งแก้วใช้น้ำเพียง 9.6 ลิตร ซึ่งน้อยกว่าปริมาณน้ำที่นมอัลมอนด์ใช้ถึง 8 เท่าตัว แถมนมโอ๊ตยังใช้พื้นที่ในการปลูกน้อยกว่าพื้นที่ในการเลี้ยงวัวราว 91% (นมวัว 1 แก้วใช้พื้นที่ 1.8 ตารางเมตร ในขณะที่นมโอ๊ตใช้พื้นที่ 0.16 ตารางเมตร) นมโอ๊ตจึงเป็นตัวเลือกที่น่าจับตาสำหรับคนรักษ์โลกได้แบบขาดลอย

นมโอ๊ต ทางเลือกใหม่เพื่อคนรักษ์โลก และสุขภาพ 

เมื่อเทียบกับนมทางเลือกอื่นๆ วัดจากภาพรวมในเรื่องปริมาณน้ำ ก๊าซเรือนกระจก และพื้นที่ในการใช้สอย เราสามารถเห็นได้ชัดว่านมโอ๊ตนั้นดีต่อสิ่งแวดล้อมที่สุด เราจึงอยากจะมาแนะนำสั้นๆ ว่านมโอ๊ตนั้นทำมาจากอะไร และมีประโยชน์อะไรบ้าง

นมโอ๊ตนั้นทำมาจากข้าวโอ๊ต โดยเอาข้าวโอ๊ตปั่นกับน้ำเปล่าแล้วกรองแยกส่วนที่เป็นนมออกมา ข้าวโอ๊ตนั้นไม่ได้เป็นอาหารหลักในบ้านเรา แต่ก็ถูกนำไปใช้ในอาหารในสายคนรักสุขภาพหลายอย่าง  เช่น คุกกี้ข้าวโอ๊ต แพนเค้กข้าวโอ๊ต หรือข้าวโอ๊ตแช่ข้ามคืนสำหรับเป็นอาหารเช้า นั่นเพราะข้าวโอ๊ตอัดแน่นไปด้วยไฟเบอร์ โดยเฉพาะเบต้ากลูแคนที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายและลดคอเลสเตอรอลได้ ข้าวโอ๊ตยังมีค่า GI (Glycemic Index) หรือกลูโคสในคาร์โบไฮเดรตต่ำ  ทำให้อิ่มท้องนาน นอกจากนั้นยังมีโปรตีนมากกว่าธัญพืชชนิดอื่นๆ

นมโอ๊ตนั้นเหมาะสำหรับคนรักกาแฟนมอย่างยิ่ง เนื่องจากผสมเข้ากับกาแฟได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับนมจากพืชชนิดอื่น เพราะนมโอ๊ตมีเนื้อข้นนัวกว่านมอัลมอนด์หรือนมถั่วเหลือง ส่วนคนที่มักเบือนหน้าหนีเวลาใช้นมจากพืชแทนนมวัวในกาแฟ เพราะรสของนมจากพืชมักทำให้กาแฟมีรสกร่อย ก็ตัดปัญหานี้ไปได้เลย เพราะนมโอ๊ตเมื่ออยู่ในกาแฟแล้วนั้นมีรสชาติแทบไม่ผิดเพี้ยนไปจากนมวัว นมโอ๊ตยังมีกลิ่นอ่อนกว่า ทำให้ไม่รบกวนกลิ่นเฉพาะตัวของกาแฟ

นมโอ๊ตอุดมไปด้วยสารอาหารที่ร่างกายเราต้องการ ไม่ว่าจะเป็นวิตามินบี วิตามินดี แคลเซียม โฟเลต แมกนีเซียม สังกะสี และธาตุเหล็ก นมโอ๊ตยังมีข้อดีสารพัน ตั้งแต่พลังงานในนมโอ๊ตที่มาจากคาร์โบไฮเดรต ช่วยให้อยู่ท้องได้นานเกือบตลอดวัน ต่างจากนมพืชตระกูลถั่วอื่นๆ ที่ให้พลังงานจากไขมัน นมโอ๊ตยังเป็นทางเลือกสำหรับคนที่แพ้แลคโตสและแพ้ถั่ว เมื่อเทียบกับนมวัวแล้วนั้น นมโอ๊ตมีไขมันน้อยกว่า เหมาะอย่างมากสำหรับสายสุขภาพ และสิ่งที่นมโอ๊ตชนะขาดนมวัวคือไฟเบอร์ อีกทั้งยังมีปริมาณแคลเซียมที่เทียบเท่านมวัวเลยด้วย จึงเหมาะสำหรับทั้งเด็กและผู้สูงอายุที่ร่างกายต้องการแคลเซียม

Goodmate นมโอ๊ตคู่บ้านสำหรับคนรุ่นใหม่

เป็นเรื่องดีสำหรับผู้บริโภคอย่างเราที่ตอนนี้นมจากพืชในท้องตลาดมีให้เลือกละลานตา แต่สำหรับคนที่ยังลังเล หรือคิดไม่ออกว่าจะจิ้มไปที่แบรนด์ไหนก่อน เราขอหยิบยื่นนมโอ๊ต Goodmate ให้ไปลิ้มลอง นอกเหนือจากประโยชน์ทางด้านสุขภาพที่เต็มเปี่ยม และการสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่น้อยกว่านมอื่นๆ แล้ว อีกเหตุผลหลักที่ทำให้นมโอ๊ต Goodmate ถูกใจคนรุ่นใหม่คือเรื่องรสชาติ ที่ต้องบอกเลยว่าถ้าใครได้ลองเป็นต้องร้องว้าว! เพราะ Goodmate มีรสจืดและข้นนัวเหมือนนมวัวมากๆ ซึ่งเป็นรสชาติที่ได้จากธรรมชาติล้วนๆ นมโอ๊ตของ Goodmate ไม่มีการเติมน้ำตาลหรือสารให้ความหวานใดๆ นอกจากนั้นยังปลอดภัยหายห่วงจากสารปรุงแต่งเพิ่มเติม เพราะ Goodmate ไม่ใส่สารคงตัว ไม่ใส่สี ไม่แต่งกลิ่น ไม่ใส่วัตถุกันเสียและวัตถุเจือปนอาหารแต่อย่างใด 

ที่สำคัญ Goodmate ยังเป็นนมที่เป็นมิตรกับทุกคน เพราะปราศจากสารก่อภูมิแพ้ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นแลคโตส ถั่ว และกลูเตน จึงทำให้ใครหลายๆ คนหันมาดื่ม Goodmate ได้อย่างไม่ต้องกังวลใจ

นมโอ๊ตของ Goodmate ยังใช้ข้าวโอ๊ต 100% จากออสเตรเลียที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ผลิตโอ๊ตคุณภาพดีชั้นแนวหน้าของโลก ฟาร์มข้าวโอ๊ตในออสเตรเลียยังคำนึงถึงการปลูกอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งกากข้าวโอ๊ตที่เหลือจากการผลิตนมโอ๊ต Goodmate ทุกครั้งนั้นยังถูกส่งต่อให้เกษตรกรในพื้นที่นำไปใช้เป็นอาหารให้แก่สุกรและสัตว์อื่นๆ เพื่อส่งเสริมการเกษตรแบบอินทรีย์ (organic) และยังช่วยลดต้นทุนให้แก่เกษตรกรอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นนมที่ดีต่อโลก ดีต่อคุณ และดีต่อคนรอบข้างจริงๆ

รู้แบบนี้แล้ว อย่าลืมมองหา Goodmate มาติดบ้าน เพื่อสร้างประโยชน์และสิ่งดีๆ ให้กับตัวเองและโลกกัน

ที่มาข้อมูล:
www.bbc.com
www.forbes.com/sites/mallorypickett
www.newrepublic.com
blog.datawrapper.de