ความคลั่งไคล้สตรอว์เบอร์รีของชาวสวีดิชนั้นถือว่ายืนหนึ่ง มีผลสำรวจจากรายการวิทยุ Sverige Radio บอกเอาไว้ว่า สองสิ่งที่คนสวีดิชกังวลที่สุดเมื่อถึงวันหยุดหน้าร้อนคือ อากาศ เพราะหน้าร้อนเป็นช่วงเปลี่ยนฤดูที่อาจทำให้มีฝนตกในบางวัน ส่วนอีกหนึ่งเรื่องกังวลคือราคาของสตรอว์เบอร์รีที่หากราคาสูงไปอาจทำให้พวกเขาเข้าถึงรสชาติฤดูร้อนได้ไม่เต็มที่

สตรอว์เบอร์รีนั้นถือเป็นหัวใจสำคัญของหน้าร้อนในสวีเดน โดยเฉพาะในเทศกาล Midsommar ที่ชาวสวีดิชจะเฉลิมฉลองการมาถึงของฤดูร้อนด้วยการเต้นรำ ทำมงกุฎดอกไม้ และกินอาหารร่วมกัน ซึ่งงานนี้สตรอว์เบอร์รีจะรับบทสำคัญเป็นจานเด่นประจำโต๊ะ ที่หากไม่มาในรูปของเค้กสตรอว์เบอร์รี ก็อาจจะเสิร์ฟแบบสดใหม่ กินคู่กับครีมสดหรือไอศกรีม

จากสถิติยังพบว่า ชาวสวีดิชบริโภคสตรอว์เบอร์รีในช่วงฤดูร้อนกันมากถึง 15,000,000 กิโลกรัมเลยทีเดียว!

ความรักสตรอว์เบอร์รีแบบจริงจังยังรวมไปถึงความมุ่งมั่นที่จะเลือกซื้อแต่สตรอว์เบอร์รีที่ปลูกในสวีเดนเท่านั้น ผลสำรวจของ Bärfrämjandet พบว่า 84 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถามคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องเลือกซื้อสตรอว์เบอร์รีที่ปลูกในประเทศ และแม้ว่าในช่วงเวลาเดียวกัน สตรอว์เบอร์รีจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เยอรมนี เบลเยียม และเนเธอร์แลนด์จะออกผลผลิตพร้อมกัน แต่ความเห็นจากพ่อค้าผลไม้ในสต็อกโฮล์มเล่าว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของลูกค้าต้องการซื้อแต่สตรอว์เบอร์รีสัญชาติสวีดิชเท่านั้น เหตุผลหนึ่งอาจเป็นเพราะสวีเดนต้องนำเข้าผลไม้เป็นหลัก เมื่อถึงฤดูที่สวีเดนผลิตผลไม้เองได้ ชาวสวีดิชจึงต้องการสนับสนุนเกษตรกรอย่างเต็มที่

นอกจากนั้น เมื่อถึงฤดูสตรอว์เบอร์รีในแต่ละปี Swedish Board of Agriculture (Jordbruksverket) หรือคณะกรรมการเกษตรแห่งสวีเดน จะทำการสุ่มตรวจสตรอว์เบอร์รีในท้องตลาดทั่วประเทศว่ามีการแปะฉลากที่มาอย่างถูกต้องหรือไม่ รวมถึงทดสอบน้ำในสตรอว์เบอร์รีที่เป็นตัวบ่งชี้ได้ว่ามีที่มาจากไหน เหตุผลที่ต้องจริงจังกันเบอร์นี้ เพราะหลายปีก่อนเคยมีข่าวว่าผู้ค้าบางรายนำสตรอว์เบอร์รีนำเข้าจากต่างประเทศมาแปะป้ายว่าผลิตในสวีเดน แถมยังออกกฎอีกว่า สตรอว์เบอร์รีที่มาจากฟาร์มในประเทศจะต้องแปะโลโก้ฟาร์ม ชื่อ และเบอร์โทรของผู้ปลูกไว้บนกล่องด้วย แค่นี้ก็บ่งบอกได้แล้วว่า คนที่นี่รักสตรอว์เบอร์รีสวีดิชจริงจังแค่ไหน

สตรอว์เบอร์รีที่รสชาติดีที่สุด

ชาวสวีดิชภูมิอกภูมิใจเป็นอย่างยิ่งว่า สตรอว์เบอร์รีของพวกเขารสชาติดีที่สุด เหตุผลหลักมาจากปัจจัยทางภูมิศาสตร์ สวีเดนเป็นประเทศเขตหนาว แต่เมื่อถึงฤดูร้อน อากาศจะไม่ร้อนจัดเหมือนหน้าร้อนในแถบเมดิเตอร์เรเนียนอย่างอิตาลีหรือสเปน หน้าร้อนของสวีเดนยังอุดมแสงแดดแทบตลอด 24 ชั่วโมง มีกลางวันยาวกว่ากลางคืน ทำให้สตรอว์เบอร์รีได้รับแสงแดดอย่างเต็มที่

ด้วยความเย็นที่สมดุลด้วยแดดแบบกำลังดี สตรอว์เบอร์รีของสวีเดนจึงอุ้มความหวานได้เป็นพิเศษและเปี่ยมไปด้วยรสชาติ

สตรอว์เบอร์รีสวีเดนจะเริ่มออกผลในแถบทางใต้ก่อนในช่วงเดือนพฤษภาคม แล้วค่อยๆ ขยับขยายไปยังส่วนอื่นของประเทศในเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม แม้ว่าสตรอว์เบอร์รีทางตอนเหนือจะออกผลช้าที่สุดราวต้นเดือนกันยายน แต่คนที่นี่เชื่อกันว่า สตรอว์เบอร์รีทางเหนืออร่อยที่สุด เพราะได้รับแดดเกือบตลอดทั้งวัน และมีกลางคืนที่สั้นกว่าแถบอื่นๆ ในประเทศ

สตรอว์เบอร์รีเป็นผลไม้ป่ามายาวนาน จนกระทั่งในศตวรรษที่ 16 ชาวฝรั่งเศสเป็นชาติแรกที่ริเริ่มทำฟาร์มสตรอว์เบอร์รีแบบจริงจัง ส่วนในสวีเดนเอง การปลูกสตรอว์เบอร์รีเริ่มต้นในปลายศตวรรษที่ 18 ทุกวันนี้สตรอว์เบอร์รีสัญชาติสวีเดนมีประมาณ 12 สายพันธุ์ แต่สายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมที่สุดคือ Honeoye ซึ่งจะออกผลช่วงต้นฤดู มีขนาดกลาง รูปทรงคล้ายหัวใจ ให้รสหวานฉ่ำ และอุดมไปด้วยรสชาติแบบเบอร์รี หลังจากนั้นพันธุ์ที่จะออกผลตามมาในเดือนกรกฎาคมคือ Sonata, Korona และ Polka ซึ่งเป็นพันธุ์ที่เก็บเกี่ยวง่าย หลายฟาร์มจึงเปิดให้คนรักสตรอว์เบอร์รีเข้ามาเก็บผลสตรอว์เบอร์รีกันเองในช่วงเดือนนี้ จบท้ายฤดูด้วย Malwina ที่จะมีสีแดงเข้มและผลอ้วนที่สุด

สตรอว์เบอร์รีฟาร์ม vs สตรอว์เบอร์รีป่า

ฤดูร้อนของหลายครอบครับสวีดิชจะไม่สมบูรณ์เลย หากไม่รวมการเก็บสตรอว์เบอร์รีสดจากฟาร์มเป็นหนึ่งในกิจกรรมสำคัญของหน้าร้อน เป็นธรรมเนียมว่าหน้าร้อนของทุกปี หลายฟาร์มจะเปิดให้ลูกค้าเข้ามาเลือกเก็บสตรอว์เบอร์รี ซึ่งแต่ละฟาร์มจะมีช่วงเวลาเปิดให้เข้ามาเก็บได้ต่างกัน เพื่อให้ต้นสตรอว์เบอร์รีมีเวลาพัก และมีปริมาณที่เพียงพอสำหรับนักเก็บสตรอว์เบอร์รีทุกราย

การเก็บสตรอว์เบอร์รีในฟาร์มแทบไม่ต้องอาศัยทักษะใดๆ แค่เล็งไปใต้ใบ แล้วเลือกเก็บผลที่แดงที่สุด จากนั้นก็นำสตรอว์เบอร์รีใส่ลงในภาชนะที่เตรียมมาจากบ้าน แล้วนำไปชั่งน้ำหนักเพื่อชำระเงินก็เป็นอันเสร็จสรรพ

นอกจากสตรอว์เบอร์รีฟาร์ม หน้าร้อนในสวีเดนช่วงนี้ยังมีสตรอว์เบอร์รีป่าที่มีชื่อภาษาสวีดิชว่า Smultron หรือภาษาอังกฤษว่า Alpine strawberries ผลของสตรอว์เบอร์รีป่าจะมีขนาดเล็กกว่ามาก ส่วนใหญ่จะมีขนาดเพียงแค่ปลายนิ้วก้อย มีน้ำน้อยกว่า ผลสีเข้มกว่า และผลมีเม็ดตะปุ่มตะป่ำมากกว่า ด้วยความที่ผลเล็ก สตรอว์เบอร์รีป่าจึงช้ำง่ายกว่า เพื่อลดความเสี่ยงที่สตรอว์เบอร์รีจะเละ เด็กๆ ที่นี่ เลยมีเทคนิคการเก็บด้วยการเอาสตรอว์เบอร์รีป่าไปเสียบไม้ แล้วรูดกินในปรื๊ดเดียว

เคล็ดลับการกินและเก็บรักษาสตรอว์เบอร์รี

มากนุส เองสเตดท์ (Magnus Engstedt) ที่ปรึกษาด้านเบอร์รี่จาก Bärfrämjandet บอกเคล็ดลับการเก็บรักษาสตรอว์เบอร์รีมาว่า

•สตรอว์เบอร์รีจะรสชาติดีที่สุดเมื่อเก็บที่อุณหภูมิห้อง แต่หากจำเป็นต้องเก็บในตู้เย็น ให้นำออกมาพักที่อุณหภูมิห้องอย่างน้อย 1 ชั่วโมง วิธีนี้จะทำให้เรายังสัมผัสรสหวานของสตรอว์เบอร์รีได้อยู่ และทำให้สตรอว์เบอร์รีไม่มีรสแปร่งจากความเย็น

•ควรกินสตรอว์เบอร์รีที่ซื้อหรือเก็บมาให้เร็วที่สุด หากคาดว่าจะกินไม่หมดในเร็ววัน ควรนำไปแช่แข็ง ฤดูสตรอว์เบอร์รีที่สวีเดนก็สั้นไม่แพ้ที่บ้านเรา การแช่แข็งเก็บไว้กินในฤดูอื่นอาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ทั้งนี้ไม่ควรแช่แข็งสตรอว์เบอร์รีทั้งลูก แต่ควรหั่นเป็นแว่นหรือผ่าครึ่ง แล้วเคล้าน้ำตาลเล็กน้อย วิธีนี้จะช่วยให้สตรอว์เบอร์รียังมีรสชาติเหมือนใหม่

•แม้ว่าชาวสวีดิชจะบอกว่า หากสตรอว์เบอร์รีไม่เปื้อนดินก็ไม่จำเป็นต้องล้าง แต่เราเชื่อว่าล้างเถอะ เพื่อความสะอาด เพียงแต่ควรล้างในปริมาณสำหรับพอกินเท่านั้น เพราะหลังสตรอว์เบอร์รีถูกน้ำ จะทำให้เสี่ยงต่อการเน่าช้ำและเสียง่ายขึ้น

สตรอว์เบอร์รีอุดมไปด้วยไฟเบอร์และสารต้านอนุมูลอิสระที่จะช่วยต้านมะเร็งเช่นเดียวกับเบอร์รี่อื่นๆ อย่างราสป์เบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ แครนเบอร์รี่ รวมถึงองุ่น ทับทิม และชาเขียว ยิ่งมีผลแดงก่ำมากเท่าไหร่ สตรอว์เบอร์รีก็จะยิ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระมากเท่านั้น นอกจากนั้น

เรื่องน่าทึ่งก็คือ สตรอว์เบอร์รีมีปริมาณวิตามินซีมากกว่าส้มเสียอีก การกินสตรอว์เบอร์รีจึงช่วยต้านหวัดได้มากถึง 60%

นักโภชนาการจาก Love Fresh Berries บอกว่า สตรอว์เบอร์รีเพียง 7 ผลก็มีปริมาณวิตามินซีมากเพียงพอสำหรับที่ร่ายกายต้องการในหนึ่งวัน และเพียงพอสำหรับรักษาสมดุลภูมิคุ้มกัน แถมยังลดความเหนื่อยล้าได้ด้วย

วิธีกินสตรอว์เบอร์รีแบบสวีดิชนั้นเป็นไปอย่างเรียบง่าย โดยส่วนมากจะกินเปล่าๆ หรือกินคู่กับครีมสดและไอศกรีม ส่วนใหญ่สตรอว์เบอร์รีมักนำไปจับคู่กับของหวานอย่างเค้ก แปรรูปเป็นแยม หรือนำไปทำเครื่องดื่ม หนนี้เราเลยลองหาวิธีกินคู่กับอาหารคาวดูบ้าง เพื่อจะได้เพิ่มความเฮลท์ตี้ที่ได้รสเปรี้ยวและหวาน แนะนำว่าซัลซ่าน่าจะเข้าท่าที่สุด

ซัลซ่าสูตรนี้ใช้ส่วนผสมเพียงแค่ 5 อย่าง ทำง่ายใน 10 นาที แถมยังไม่ต้องพึ่งน้ำตาล เพราะมีความหวานตามธรรมชาติผลไม้คอยชูรสแล้ว ซัลซ่ายังให้รสสดชื่นใกล้เคียงยำแบบไทย จับคู่กับโปรตีนอย่างปลาหรือไก่ย่างจะเข้ากันที่สุด

ซัลซ่าสตรอว์เบอร์รี
ส่วนผสม

1. สตรอว์เบอร์รีสด 10-15 ลูก
2. ผลไม้น้ำฉ่ำชนิดอื่นๆ เช่น มะม่วง องุ่น เบอร์รี่ต่างๆ ปริมาณตามชอบ
3. ผักชี หรือสะระแหน่ ปริมาณตามชอบ
4. น้ำมะนาวจากมะนาว 1 ลูก
5. เกลือ ½ ช้อนชา

วิธีทำ

หั่นสตรอว์เบอร์รีเป็น 4 ส่วน หากใช้ผลไม้อื่นด้วย ควรหั่นให้มีขนาดใกล้เคียงกัน

จากนั้นซอยผักชีหรือสะระแหน่แบบหยาบๆ ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในชามผสม ใส่น้ำมะนาวและเกลือลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน เสิร์ฟคู่กับปลาหรือไก่ย่าง

 

ภาพถ่าย: ณวรา หิรัญกาญจน์

ที่มา
www.barframjandet.se
www.academic.oup.com