สำหรับคนชอบออกกำลังกายน่าจะเคยเห็นโฆษณาว่า ถ้าเราได้กิน Energy Bar, Power Bar หรือ Protein Bar (แล้วแต่คนเรียก) แล้วจะทำให้มีแรงออกกำลังกายได้มากขึ้น แล้วสิ่งที่เขาว่ากันนั้นมันคืออะไร กินแล้วมีแรงจริงหรือไม่ ถ้ากินแล้วดีจริงเราสามารถหาอะไรทดแทนได้บ้าง ไปติดตามกันนะครับ


ถ้าไม่ได้เรียกแบบทับศัพท์ Power Bar ก็แปลเป็นคำไทยที่เรียกกันว่า ‘ธัญพืชอัดแท่ง’ โดยในแท่งนั้นมีข้าวโอ๊ต ข้าวกล้อง เมล็ดถั่ว คอร์นเฟล็ก งา เมล็ดทานตะวันและเมล็ดฟักทอง ฯลฯ เป็นส่วนประกอบ อาจจะมีการปรุงรส ราดน้ำเชื่อม น้ำผึ้ง ช็อกโกแลตหรือสารปรุงรสต่างๆ แล้วแต่ยี่ห้อ โดยสารอาหารหลักที่ได้ก็คือ คาร์โบไฮเดรตและโปรตีน จุดประสงค์เพื่อความสะดวกในการรับประทาน เช่น เราอาจจะวิ่งเทรลเข้าไปในป่า แน่นอนคงหาร้านค้าหรือจุดบริการอาหารไม่ได้ การมีธัญพืชอัดแท่งก็ช่วยทำให้เราสะดวกขึ้น

หรือแม้แต่การที่เราอยู่ในเมืองแต่ต้องใช้ชีวิตเร่งรีบ บางครั้งก็ไม่ได้สะดวกจะกินอาหารมื้อหลัก เมื่อถึงเวลาต้องออกกำลังกาย การได้อะไรรองท้องสักหน่อย ก็ทำให้มีแรงมากขึ้น (ประเด็นสำคัญคือ มีแรงมากขึ้นหมายถึง ถ้ากินธัญพืชอัดแท่งก็จะมีแรงมากกว่าท้องว่าง แต่ไม่ได้หมายความว่ากินแล้วมีแรงมากขึ้นพิเศษกว่าอาหารอื่นๆ) โดยบางยี่ห้อจะโฆษณาว่า ช่วยในการลดความอ้วนได้ เนื่องจากมีไฟเบอร์สูง แคลอรีต่ำ ช่วยให้อิ่มท้อง ซึ่งจะพยายามให้คนที่กำลังลดน้ำหนักกินแทนมื้ออาหาร

ซึ่งอันที่จริงแล้ว เราก็สามารถกินอาหารอื่นๆ ในปริมาณแคลอรีเท่ากันได้ โดยอาจจะเลือกธัญพืชอย่าง ถั่ว เมล็ดฟักทอง เมล็ดทานตะวัน โยเกิร์ต นม ผลไม้ ขนมปัง ฯลฯ ก็ได้ผลเช่นเดียวกันในราคาที่ย่อมเยากว่า

และที่สำคัญเราไม่ควรกินบาร์เหล่านี้แทนมื้ออาหาร เพราะตามกฎหมายแล้ว การที่จะโฆษณาได้ว่าเป็นผลิตทดแทนมื้ออาหารจริงๆ แล้วยังต้องมีหลักเกณฑ์มากมาย เช่น ต้องให้พลังงานประมาณ 200-400 แคลอรี มีสัดส่วนสารอาหารตามที่กำหนด เป็นต้น โดยการที่ต้องมีกฏเช่นนี้ เพราะการได้รับพลังงานน้อยเกินไป อาจจะส่งผลเสียต่อผู้บริโภคได้ ซึ่งในแต่ละแบรนด์ก็อาจจะมีจุดขายแตกต่างกัน เช่น เป็นผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก ไขมันต่ำ (แต่ต้องระวังน้ำตาลสูง) หรือไม่มีน้ำตาล (ระวังเป็นการแค่เลี่ยงบาลี โดยบอกว่า no sugar แต่ใส่น้ำตาลประเภทอื่นๆ มาแทนเช่น เด็กซ์โตรส ฟรุกโตส น้ำอ้อย น้ำเชื่อมข้าวโพด เป็นต้น)

ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีหลากหลาย จะให้รีวิวกันก็คงไม่ไหว แต่ถ้าสำหรับคนที่ต้องการมีพลังงานพร้อมจะออกกำลังกายให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แค่รู้หลักการ ใส่ใจสารอาหารอย่าง คาร์โบไฮเดรต ก็เพียงพอที่จะไปเลือกรับประทานเองได้

โดยก่อนออกกำลังกาย 1 ถึง 4 ชั่วโมง ควรกินคาร์โบไฮเดรต 1-4 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม หรือคาร์โบไฮเดรต 200-300 กรัม

ตัวอย่างเช่น ผมหนัก 80 กิโลกรัม ก็ต้องการคาร์โบไฮเดรตก่อนออกกำลังกายเท่ากับ 80–320 กรัม ซึ่งเท่ากับพลังงานประมาณ 320–1,280 แคลอรี จริงๆ ถ้าไม่ต้องคำนวณอะไรมาก ก็ประมาณข้าวแกงหรืออาหารตามสั่งหนึ่งจาน กินอาหารมื้อหลักสัก 1 ถึง 4 ชั่วโมง ก่อนออกกำลังกาย โดยถ้าเหลือเวลานานก็มื้อใหญ่ได้ ถ้าเหลือเวลาน้อยเช่นสักแค่ชั่วโมงเดียว ก็อาจจะเป็นพวกแซนด์วิช ขนมปัง Power Bar เป็นต้น ที่สำคัญพยายามอย่ากินไขมันหรือใยอาหารมากเกินไป อาจจะทำให้เกิดอาการอาหารไม่ย่อย ท้องอืดได้

แต่ถ้าไม่ได้กินอะไรเลยจริงๆ ก่อนออกกำลังกาย10-15 นาที การได้รับคาร์โบไฮเดรตที่ย่อยง่าย ดูดซึมเร็ว ประมาณ 30 กรัม อาจจะช่วยทำให้เราออกกำลังกายได้ดีขึ้น ซึ่ง Power Bar, Power Gel หรือ Sport Drink มักจะถูกนำมาใช้ในกรณีนี้ (ดังนั้นถ้าเรากินอาหารปกติมาแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องกินบาร์เพิ่มนะครับ) โดยเราสามารถเลือก กินน้ำหวานที่ไม่เข้มข้นจนเกินไปนัก (น้ำตาลไม่เกิน 8%) น้ำผลไม้ ทดแทนก็ได้เช่นเดียวกัน

สุดท้ายนี้ เมื่อรู้หลักการกันอย่างนี้แล้ว ก็อย่าลืมนำไปประยุกต์เลือกรับประทานอาหารให้เหมาะสมกันตามความสะดวก เพื่อให้ออกกำลังกายได้อย่างมีประสิทธิภาพกันนะครับ

ภาพประกอบ: missingkk