“ถ้ามีสุขภาพที่ดี ชีวิตก็ทำได้ทุกอย่าง” หญิงสาวชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งบอกตัวเองเช่นนั้นในวันที่เธอต้องตัดสินใจโยกย้ายจากบ้านเกิดเมืองนอนมายังดินแดนห่างไกลที่ไม่รู้จัก ไม่เคยแม้เหยียบย่างมาเลยสักครั้ง แต่ด้วยความหวังเต็มปรี่ เธอมั่นใจว่าชีวิตที่ดีรออยู่ตรงนั้นแน่นอน นี่คือ เคโกะ มากิโนะ เจ้าของร้าน 3 Studio-ร้านอาหารเล็กๆ ที่จำหน่ายสินค้าเพื่อสุขภาพ และครูสอนทำเต้าหู้ญี่ปุ่นผู้ยืนหยัดในวิถีสุขภาพของการพึ่งตัวเองและเชื่อมั่นว่า ชีวิตที่ดีคือที่ชีวิตที่เราเลือกได้เสมอ

ชีวิตเริ่มต้นที่เชียงใหม่บนเส้นทางสายเต้าหู้

เคโกะพร้อมยูกิ-สามี และลูกชายตัดสินใจย้ายครอบครัวมาจากโอซาก้ามาอาศัยอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่หลังจากเกิดเหตุการณ์สึนามิครั้งใหญ่ในประเทศญี่ปุ่นที่ทำให้โรงไฟฟ้าฟุกุชิมะเสียหายยับเยิน “หลังเหตุการณ์เรื่องสึนามิ ลูกชายของฉันเริ่มมีอาการภูมิแพ้ รวมทั้งลูกๆ ของเพื่อน แม้แต่ตัวฉันเองก็รู้สึกอ่อนเพลียมากขึ้น เพื่อนๆ หลายคนตัดสินใจย้ายไปอยู่ทื่ประเทศอื่นแทน เพราะกังวลเรื่องสุขภาพ ฉันจึงเลือกมาอยู่ที่นี่ ”

เธอเลือกเชียงใหม่ทั้งที่ไม่เคยรู้จักมันเลยเนี่ยนะ, ฉันถาม “ฉันมีแค่แรงบันดาลใจน่ะ” เคโกะพูดขำๆ ก่อนเล่าต่อว่า “เชียงใหม่เป็นเมืองที่ดีสำหรับฉันนะ มีความคล้ายคลึงกับเกียวโตบ้านเกิดแม่ เป็นเมืองสงบๆ ไม่มีตึกสูงมากมาย ผู้คนใจดียิ้มแย้ม ที่นี่ดีกว่ากรุงเทพฯ มาก เรียบง่ายกว่า ผ่อนคลายกว่า คนที่นั่นแร่งรีบ ไม่มีเวลาแม้แต่จะยิ้มกันเลย”

ตอนอยู่ที่ญี่ปุ่น เคโกะทำงานเกี่ยวข้องกับอาหารการกินอยู่แล้ว เธอสอนทำอาหารและทำเบนโตะสำหรับมื้อเที่ยงเร่ขายด้วยการปั่นจักรยาน เป็นชีวิตเรียบง่ายที่มีความสุขมาก และนี่คือต้นทุนเดียวที่เธอมีอยู่สำหรับการตั้งชีวิตใหม่ในต่างแดน แม้คนรักสุขภาพในเชียงใหม่จะเป็นกลุ่มเล็กๆ แต่ก็เป็นกลุ่มคนเล็กที่มีคุณภาพ ทุกคนต่างเสาะแสวงหาสินค้าและวัตถุดิบที่ดีอยู่แล้ว การมีทางเลือกใหม่เพิ่มขึ้นย่อมเป็นผลดีต่อผู้บริโภคแน่นอน

เคโกะและสามีเริ่มออกร้านขายของตามงานตลาดนัดเกษตรอินทรีย์ต่างๆ จำหน่ายเต้าหู้ ถั่วหมัก และเครื่องปรุงรสแบบญี่ปุ่นที่ทำเอง จนผู้คนเริ่มรู้จักและฝากใจเป็นลูกค้าประจำมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเต้าหู้ของเธอเลื่องลือว่าเป็นเต้าหู้ที่อร่อยที่สุดในเชียงใหม่เพราะใช้ถั่วเหลืองไม่ดัดแปลงพันธุกรรม (Non-GMOs) และใช้น้ำแร่จากเชียงดาวเป็นส่วนผสม  “เราทำเต้าหู้แบบโฮมเมดใช้วิธีการผลิตแบบดั้งเดิม ใช้เฟรมไม้ขึ้นรูปเต้าหู้ ฉันจะทำครั้งละไม่มาก เพราะความอร่อยอยู่ที่ความสดใหม่ เวลาเคี้ยวจะได้กลิ่นหอมและหวานอ่อนๆ ตามธรรมชาติ เต้าหู้แบบนี้ยิ่งกินเร็วยิ่งอร่อย เพราะถ้าเก็บเข้าตู้เย็นไว้ 2-3 วันไปแล้วความอร่อยจะค่อยๆ ลดลงทันที บางทีจะรู้สึกได้เลยว่ากลิ่นเปลี่ยนไป”

สู่ร้านเล็กๆ ในฝัน

ในที่สุดความฝันก็เป็นจริง เคโกะมีโอกาสทำร้านเล็กๆ ของตัวเองในอาคารไม้เรือนเก่าอายุนับร้อยปีย่านริมน้ำปิง อาคารแห่งนี้มีความสำคัญกับชาวเชียงใหม่อย่างยิ่งเพราะว่านี่คือบ้านของพ่อครูศรีโหม้วิชัย-คนเชียงใหม่คนแรกที่ได้เดินทางไปสหรัฐอเมริกา ซึ่งต่อมาได้ถูกพัฒนาให้กลายเป็นโรงแรมแห่งแรกในเชียงใหม่ด้วย

อาคารเก่าแก่บรรจุเรื่องราวทางประวัติศาสตร์นี้ผุพังไปตามกาลเวลา จวบจนทายาทรุ่นที่ 3 มีแนวคิดว่าอยากฟื้นคืนชีวิตให้กับพื้นที่ ให้เป็นศูนย์กลางการจัดกิจกรรมเพื่อความรู้สึกรักถิ่นฐานบ้านเกิด และทำกิจกรรมดีๆ เพื่อสังคม ร้าน 3 studio จึงเกิดขึ้นเป็นพื้นที่เพื่อสุขภาพของคนเชียงใหม่ และจะกลายเป็นเหมือน Little japan ขนาดย่อมในช่วงเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ (เป็นช่วงที่คนญี่ปุ่นมาเที่ยวเมืองไทยเยอะที่สุด) เพราะจะมีกิจกรรมหลากหลายที่ชวนให้คนญี่ปุ่นที่อยู่ในเชียงใหม่มารวมตัวกัน เช่น ทำกิจกรรมออกร้านขายสินค้าทำมือ กิจกรรมแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องการทำฟาร์มออร์แกนิกจากผู้เชี่ยวชาญที่ประสบความสำเร็จในญี่ปุ่น และในปีก่อน เคโกะได้เชิญเพื่อนๆ ศิลปินชาวญี่ปุ่นมาเล่นคอนเสิร์ตเล็กๆ ในร้านอาหารด้วย

จากร้านขายของเล็กๆ เริ่มเติบโตกลายเป็นร้านสุขภาพขนาดย่อม มีสินค้าที่น่าสนใจมากมายหลายอย่างส่วนหนึ่งเป็นสินค้าที่เธอทำขึ้นเอง เช่น เต้าหู้ บ๊วยดอง เครื่องปรุงรสอย่างมิโสะ โชยุ ซอสบาร์บีคิว ซอสพริกแบบเกาหลี เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย และอีกส่วนหนึ่งเป็นสินค้าจากเพื่อนๆ ชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในเชียงใหม่ด้วยกัน เช่น น้ำแร่เพื่อสุขภาพจากเชียงดาว สบู่และเครื่องสำอางจากธรรมชาติ นอกจากนี้มีโซนร้านอาหารให้ลูกค้าได้นั่งรับประทานในร้านได้ด้วย

เมนูอาหารส่วนใหญ่จะมีวัตถุดิบหลักที่ปรุงจากเต้าหู้พร้อมเครื่องเคียงต่างๆ ที่เป็นของหมักที่เธอทำขึ้นเองซึ่งดีต่อระบบย่อยอาหารเพราะร่างกายสร้างขึ้นมาเองไม่ได้ แต่กินได้ผ่านทางอาหารประเภทหมักต่างๆ เช่น มิโสะ ผักดอง บ๊วยดอง

“คนญี่ปุ่นมีความเชื่อว่าธรรมชาติช่วยให้ร่างกายสะอาดขึ้นได้”

“เราจะกินผักดองต่างๆ เคียงกับอาหาร เพราะท้องสำคัญที่สุด ถ้าระบบย่อยอาหารดี เราจะไม่เจ็บป่วย หน้าตาสดใส ร่างกายสมบูรณ์ เพราะฉะนั้นระบบย่อยอาหารเป็นดัชนีชี้วัดสุขภาพได้เลย ฉันเองก็เหมือนกัน ถ้าช่วงไหนกินเนื้อสัตว์เยอะเกินไป ท้องไส้ก็จะไม่ค่อยดี มีจุดมีผื่นคันเยอะขึ้น พอกลับมาปรับอาหารของตัวเอง อาการต่างๆ ก็ดีขึ้น”

ชีวิตดีๆ บนวิถีสุขภาพ

ฉันกินอาหารฝีมือเคโกะด้วยความสงบ อาหารเรียบง่ายจัดวางในจานแต่บรรจุความรักเต็มเปี่ยมที่เธอต้องการให้ผู้บริโภคได้รับสิ่งที่ดีที่สุด สำหรับคนที่เคยชินกับอาหารที่กระหน่ำปรุงด้วยเครื่องปรุงรสและผงชูรสจำนวนมหาศาล อาหารของเคโกะอาจดูเหมือนไร้รสชาติ แต่เปล่าเลย, ทุกอย่างมีรสชาติตามธรรมชาติอยู่ในนั้น ที่เราไม่เคยเปิดโอกาสให้ร่างกายได้ลิ้มลองมาก่อน ข้าวในจานเธอเลือกเสิร์ฟด้วยข้าวสวยพื้นบ้านสีม่วงแดงแทนข้าวญี่ปุ่นแบบร้านอาหารญี่ปุ่นทั่วไป เบอร์เกอร์ชิ้นย่อมปรุงจากเต้าหู้ พร้อมผักเคียงที่ทำเอง แถมท้ายด้วยชาร้อนจากใบหม่อนที่เธอแอบกระซิบว่า “อากาศร้อนๆ แบบนี้ ใบหม่อนช่วยได้เยอะเลยค่ะ”

สำหรับเธอ อาหารตามฤดูกาลและอาหารที่มีในท้องถิ่นจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับสุขภาพ “ฉันทำอาหารสุขภาพขายก็จริง แต่ไม่ได้กินมังสวิรัติร้อยเปอร์เซ็นต์ บางคนบอกว่ากินเนื้ออย่างเดียวไม่ดี บางคนว่ากินผักอย่างเดียวไม่ดี แต่สำหรับฉันการกินควรเป็นเรื่องที่คนได้มีเสรีภาพในการเลือกด้วยตัวเอง อาหารที่ดีคือสิ่งที่เราเลือกบนทางสายกลาง คือความพอดี ถ้าพูดจริงๆ แล้วอาหารที่ดีต่อคนเราคืออาหารตามฤดูกาลในท้องถิ่นตัวเอง ฉันมาอยู่ที่นี่ ใช้วิธีผสมผสานความรู้เข้าด้วยกันทั้งไทยทั้งญี่ปุ่น  อย่างหน้าร้อน เราควรกินอาหารรสเปรี้ยว รสขมอย่างมะระ หรือกินชาใบหม่อน” เธอพูดพลางชี้ไปยังต้นหม่อนข้างๆ ร้าน

“ฉันใช้เรื่องอาหารการกินดูแลสุขภาพเป็นหลัก เวลาลูกไม่สบายจะใช้ธรรมชาติดูแลก่อน พยายามหลีกเลี่ยงที่จะต้องกินยาหรือไปโรงพยาบาล อาหารของที่ร้าน เราไม่ใช้น้ำตาลและผงชูรสเลย แต่น่าเป็นห่วงว่าคนไทยกินน้ำตาลเยอะมาก อาจเพราะเมืองไทยเป็นเมืองร้อนคนเลยชอบกินเครื่องดื่มเย็นๆ หวานๆ ซึ่งไม่ดีกับสุขภาพ สำหรับฉัน ถ้าลูกชายรู้สึกร้อนมากๆ ฉันจะให้กินเกลือป่นนิดหน่อย เกลือแร่จะช่วยลดการเสียน้ำในร่างกายได้ หรือถ้ามีไข้ ฉันจะใช้เต้าหู้บดใส่ขิงเล็กน้อยห่อผ้าแล้ววางบนโปะบนหน้าผากจะช่วยลดไข้ได้ดี”

“อันที่จริงคนไทยมีภูมิปัญญาในการดูแลตัวเองหลายอย่าง แต่เราอาจจะลืมไป เหมือนกับว่าพอบ้านเมืองเจริญขึ้น เราเอาแต่เดินไปข้างหน้าแล้วลืมทุกอย่างที่อยู่ข้างหลัง”

อร่อยกับเต้าหู้ทำเอง

เพราะรู้ว่าอาหารที่ดีเป็นสิ่งที่สร้างสรรค์ให้เกิดขึ้นได้ เคโกะจึงใช้เต้าหู้แสนอร่อยของเธอเป็นสะพานเชื้อเชิญให้ผู้คนหันกลับมาพินิจในวิถีชีวิตของตัวเอง “อาหารเพื่อสุขภาพไม่ได้ทำยากอย่างที่คิด” ผ่านการทำเวิร์กช็อปการทำเต้าหู้ญี่ปุ่นในทุกๆ เดือน “เต้าหู้เป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่ดี ทำได้ง่าย และกินได้ตลอด ที่ญี่ปุ่นเรามี 4 ฤดูกาลคือ ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูใบไม้ร่วง ฤดูร้อน ฤดูหนาว แต่ละฤดูก็มีอาหารที่เหมาะสมแตกต่างกัน อันที่จริง เต้าหู้เป็นอาหารที่เหมาะสำหรับฤดูร้อน เพราะช่วยลดความร้อนในร่างกายได้ เพราะฉะนั้นจึงไม่เหมาะจะกินในฤดูหนาว แต่ถ้าเราปรุงเต้าหู้โดยใช้มิโสะ ใช้ขิงที่เพิ่มความร้อนในร่างกายเข้ามาเป็นส่วนผสมด้วย พลังของอาหารก็จะเปลี่ยนไปและกินได้ในทุกฤดูกาล”

การได้ทดลองทำบางสิ่งบางอย่างด้วยตัวเองจะช่วยให้เราได้เรียนรู้ถึงจิตใจภายในของตัวเองได้ด้วย “ฉันอยากเชิญชวนให้ทุกคนมาลองทำเต้าหู้กัน ในฤดูร้อนจะทำเต้าหู้ออกมาได้ดีกว่าฤดูหนาว แต่ก็นั่นแหละนะ..แม้แต่ฤดูเดียวกัน การทำแต่ละวันก็อาจได้ผลต่างกัน ฉันเคยสังเกตตัวเองนะ วันไหนอารมณ์ดี วันนั้นเต้าหู้ออกมาดี แต่ถ้าวันไหนอารมณ์ไม่ดี วันนั้นเต้าหู้ก็ไม่ดีด้วย (ยิ้ม) ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการทำอาหารนั้นละเอียดอ่อนมาก มันทำให้เราต้องใส่ใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างแท้จริงถึงจะทำอาหารออกมาได้อร่อย”

ทุกวันนี้ เคโกะมีความสุขกับชีวิตเรียบง่ายแต่ก็ไม่ได้หันหลังให้กับความทันสมัย “พวกเรายังใช้สมาร์ทโฟนและมีปาร์ตี้เสมอเหมือนคนทั่วๆ ไปแหละ เรื่องการอยู่อย่างเรียบง่าย การอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ หรือการกินอยู่แบบออร์แกนิกเป็นแค่เรื่องแฟชั่น ก็อาจใช่สำหรับบางคน แต่สำหรับฉันนั่นคือวิถีชีวิตที่เราเลือกแล้วว่าจะเป็นแบบนี้”

“ชีวิตที่ดีควรต้องผ่านการคิดไตร่ตรอง ไม่ใช่เรื่องของอะไรก็ได้ “

ฉันหันกลับไปมองผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้ที่ยืนหยัดทำในสิ่งที่ตัวเองเชื่อในดินแดนต่างบ้านต่างเมือง ทุกก้าวของเธอค่อยเบ่งบานภายใต้อาคารไม้เก่าคร่ำคร่าที่เต็มไปด้วยเรื่องราวน่าจดจำ ทั้งหญิงสาวคนนี้และเรือนไม้ต่างทำหน้าที่ตัวเองอย่างมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้

ลีลาชีวิตของเราแตกต่าง จะเดินหน้าหรือถอยหลังไปบ้างก็ไม่เป็นไร สำคัญอยู่ที่ว่าเมื่อไรจะ ‘ตัดสินใจเดิน’ เท่านั้น

ร้าน3 studio ตั้งอยู่ที่ชั้น 1 ในโรงแรมศรีประกาศเดิม บนถนนเชียงใหม่-ลำพูน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ มีบริการอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงจำหน่ายสินค้าเพื่อสุขภาพ เช่น เต้าหู้ เครื่องปรุงรสต่างๆ สบู่ เครื่องสำอาง น้ำแร่ เสื้อผ้า ฯลฯ เปิดทุกวันพฤหัสบดี-อาทิตย์ เวลา 11.00-17.00 น. ส่วนเวิร์กช็อปการทำเต้าหู้ญี่ปุ่นจัดขึ้นเดือนละครั้งทุกวันอังคารต้นเดือน ตั้งแต่ 11.00-14.00 น. (มีผู้เข้าเรียนขั้นต่ำ 4 คนแต่ไม่เกิน 10 คน) ราคาคนละ 1,200 บาท (ราคานี้รวมอาหารกลางวัน เต้าหู้ที่นำกลับบ้านและของที่ระลึก) สอบถามรายละเอียดได้ที่โทร.097-943-7039

FB: Aeeen

ภาพถ่าย: มณีนุช บุญเรือง