ถ้าไปถามเด็กๆ ว่ารู้ไหมว่าน้ำมาจากไหน แล้วเด็กๆ ตอบว่ามาจากก๊อก หรือผักที่เด็กๆ ถูกบังคับให้กินมาได้ยังไง เหล่าหนูน้อยดันตอบว่ามาจากซูเปอร์มาร์เก็ต!

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เรื่องขำขื่นเหล่านี้ไม่ใช่แค่โจ๊กสนุกๆ ไว้แชร์กันเล่นๆ เพราะเด็กเมืองหลายคน (มาก) ที่ไม่รู้ว่าอาหารที่เขากินอยู่ทุกวันมีที่มาจากอะไร แม้ว่าในวิชาเรียนตามหลักสูตรจะสอนว่าชาวนาปลูกข้าวให้กิน แต่ก็เหมือนๆ กับที่สอนให้รู้ว่าทหารเป็นรั้วของชาติ แต่ไม่รู้ว่าหน้าที่ที่แท้จริงคืออะไร นั่นจึงไม่มากเกินไปที่จะบอกว่า เด็กๆ หลายคนไม่รู้คุณค่าของสิ่งที่พวกเขากิน และทรัพยากรที่เขาใช้ เพราะมันมีมาเสิร์ฟตรงหน้าอย่างไม่จำกัด

พอได้ยินไอเดียของงาน งาน Amazing Green : A’MAZE 2017 ที่จัดขึ้นโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ณ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีกาญจนบุรี เมื่อ 18-19 และ 25-26 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เราก็ตื่นเต้นที่ได้เห็นเขาวงกตในทุ่งข้าวโพด (Corn Maze) เป็นครั้งแรกในประเทศไทย และดีใจที่ในเขาวงกตกว้าง 68 ไร่ มีฐานกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ให้เด็กๆ ได้เข้าใจธรรมชาติ การทำฟาร์มเกษตร และฟาร์มปศุสัตว์ ผ่านการเล่น ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของงานที่อยากสื่อสารกับเหล่าครอบครัวสมัยใหม่ (Millenial Family) ที่มีสมาชิกตัวจิ๋วอายุ 4-10 ปี เพื่อปลูกฝังให้เด็กๆ เข้าใจที่มาของแหล่งผลิต เห็นคุณค่าของเกษตรกร เพิ่มทักษะการเรียนรู้ และพัฒนาการทางอารมณ์ ที่มากกว่าการเรียนรู้ในห้องเรียน พ่วงมาด้วยการสร้างรายได้ให้กลุ่มเกษตรกรและท้องถิ่น ที่น่าจะได้แรงบันดาลใจจากโครงการต้นแบบนี้ แล้วนำไปพัฒนาพื้นที่การเกษตรของตัวเองให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร (Creative Agri-Tourism) ที่สร้างสรรค์

ฟังแต่ไอเดียก็ไม่เท่าสัมผัสจริง Greenery จึงขอไปสำรวจเขาวงกตด้วยตัวเอง และเก็บเรื่องที่ชอบมาเล่าให้ฟัง

ชอบหลง
แม้ว่าแสงแดดจะจัดจ้า แต่เด็กๆ ก็สู้ไม่ถอย ถือแผนที่ในมือแล้วเดินบ้างวิ่งบ้างเพื่อหาฐานเกมที่ซ่อนอยู่ในเขาวงกตให้ครบถ้วน แต่ที่สนุกคือฐานกิจกรรมในรูปแบบของเกมต่างๆ นานาที่สอดแทรกความรู้ ความเข้าใจเรื่องการเกษตรไปด้วย เช่น ฐาน Wreck-it Bug ปาบอลเต่าทองใส่เป้าแมลงศัตรูพืชต่างๆ ก็ได้ให้ความรู้เด็กๆ ว่าแมลงตัวร้ายมีอะไรบ้าง เราสามารถปราบพวกมันได้โดยไม่ต้องใช้ยาฆ่าแมลงด้วยแมลงตัวห้ำอย่างเต่าทอง หรือ Ball Toss ที่ก็คือเกมปาบอลลงห่วงธรรมดา แต่ไอเดียว่าบอลคือพันธุ์ข้าว และเป้าคือท้องนาเพื่อสาธิตการทำนาหว่าน หรือการให้เด็กๆ ได้แข่งบีบนมแพะจำลอง อีกสัตว์เศรษฐกิจประจำจังหวัดกาญจนบุรี พวกเขาก็ได้รู้ว่านอกจากนมวัวที่ดื่มทุกวัน ยังมีนมแพะเป็นอีกแหล่งโปรตีนจากเต้าด้วย ฯลฯ

และที่เราชอบใจนอกเหนือไปจากความสนุกสนานของเด็กๆ ที่ยิ้มแก้มแดง (เพราะสนุกด้วย ร้อนด้วย) คือความขยันขันแข็งของน้องๆ สตาฟฟ์ประจำฐานเกมต่างๆ ที่พยายามให้ข้อมูล แชร์ความรู้ และตอบคำถามเด็กๆ ที่มาเล่นเกมอย่างเต็มที่ ถามไถ่ได้ความว่าน้องๆ เหล่านี้ เป็นนักเรียน-นักศึกษาจากวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีกาญจนบุรี ที่ดีใจที่ทุกคนได้มาเที่ยวในโรงเรียนของตัวเอง แถมยังได้ใช้ความรู้ที่เรียนมามาแชร์ให้เด็กๆ ฟัง เข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง แต่ก็ได้พยายาม และสนุกไปกับเด็กๆ ด้วย งานนี้จึงไม่ใช่แค่การเพิ่มทักษะการเรียนรู้ให้กับเด็กตัวจิ๋ว แต่เยาวชนที่กำลังจะกลายเป็นผู้ใหญ่ก็ได้เรียนรู้ไปพร้อมๆ กัน”

ชอบเล่น
อีกกิจกรรมน่าเล่นจนอยากปลอมตัวเป็นเด็กเพื่อลงไปกระโดดโลดเต้นในสนามเด็กเล่นใหญ่โตนี้บ้าง เพราะมีให้เล่นตั้งแต่การปีนป่ายตาข่ายเชือก มินิกอล์ฟ ขี่จักรยาน (แบบได้เรียนรู้การจราจรไปด้วย) และสโลปไม้ให้วิ่งถลาอย่างสนุกๆ ข้างๆ ทุ่งปอเทืองสีเหลืองสดใส แค่ได้ยินเสียงหัวเราะของเด็กๆ และการช่วยเหลือกันระหว่างเพื่อนใหม่ที่เพิ่งเจอกันในสนามเด็กเล่น ผู้ใหญ่อย่างเราก็ใจพองโตไปด้วย

ชอบของติดไม้ติดมือ
แม้เราจะดีใจที่เมื่อเล่นเกมชนะครบ 7 ฐานแล้วจะได้ร่มมากางกันแดดหนึ่งคัน แต่เด็กๆ น่าจะสนุกกับของรางวัล Eco เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นเขาวงกตหน้าตาเหมือนสมาร์ทโฟน ที่ชวนเด็กละสายตาจากจอมือถือมาเล่นเกมจริงๆ ในมือบ้าง หรือจะเป็นตัวต่อเครื่องบินจำลองไซส์หนึ่งคนแบกที่เด็กๆ ได้ขี่เล่นเหมือนม้าก้านกล้วยเวอร์ชั่น 4.0 นอกจากนี้ ในกิจกรรม D.I.Y. เวิร์กช็อป ยังมีงานฝีมือที่เด็กๆ ได้เอาติดมือกลับบ้านหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสวนขวดน่ารัก งานศิลปะจากเมล็ดพันธุ์พืช และกิจกรรมสร้างสรรค์ง่ายๆ จากผลิตผลทางการเกษตรและวัสดุใกล้ตัว แต่ที่เด็กๆ ต่อแถวปลูกกันอย่างคึกคัก คือที่โซน Farm Pavilion ที่เปิดพื้นที่ให้เด็กๆ และผู้ใหญ่ได้ลงมือปลูก และเก็บเกี่ยวผลิตผลทางการเกษตร โดยมีเกษตรกรตัวจริงและผู้เชี่ยวชาญซึ่งเป็นน้องๆ จากวิทยาลัยคอยให้ความรู้และแนะนำอยู่ข้างๆ เพราะนอกจากจะได้ตักดิน เพาะกล้า และรดน้ำด้วยตัวเอง (เด็กบางคนตัวเท่าบัวรดน้ำก็มี) พวกเขาจะได้นำต้นไม้ที่ตัวเองปลูกกลับไปดูแลและเฝ้าดูการเจริญเติบโตที่บ้าน เพื่อที่จะได้ตระหนักถึงคุณค่าของผลผลิตจากเกษตรกรด้วย

ชอบฟัง
ในยามแดดร่มลมตก ในงานยังมีกิจกรรม Talk & Show ที่ชวนสิงโต นำโชค และโรส ศิรินทิพย์ มาร้องเพลงให้ฟังกันเพลินๆ เมื่อน้องๆ เริ่มเล่นกันจนเหนื่อย และคุณพ่อ คุณแม่เริ่มเดินตามไม่ไหว นอกจากนี้ ยังมีเวทีเสวนาที่เหล่าผู้เชี่ยวชาญและผู้สร้างแรงบันดาลใจได้เล่าประสบการณ์และแนวคิดดีๆ เกี่ยวกับการเลี้ยงลูกนอกบ้านให้ฟังจนเต็มอิ่มด้วย

www.amazinggreenthailand.com
เครดิตภาพ: www.facebook.com/amazinggreenthailand