คงไม่ต้องบอกกันแล้วว่าวิถีรักษ์โลกในวันนี้มาแรงแค่ไหน

ข่าวคราวของปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะขยะพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้งที่ถูกนำเสนอแบบไม่ขาดสายมาตลอดทั้งปี กระตุ้นให้ใครๆ ก็อยากลดการใช้ ลดการสร้างขยะ และพยายามไม่สร้างภาระให้กับโลก แต่นอกเหนือไปจากการลดขยะพลาสติกในชีวิตประจำวัน เช่น ไม่รับถุง ไม่ใช้หลอด พกแก้ว พกกล่องรียูสติดตัวเวลาออกนอกบ้านแล้ว อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่หลายๆ คนพยายามหาวิธีจัดการก็คือการลดขยะชิ้นใหญ่อย่างเหล่าบรรจุภัณฑ์จากสิ่งของเครื่องใช้ในบ้าน ที่แม้จะนานๆ ซื้อที แต่ก็เป็นขยะที่ยังอยู่ในวิสัยที่ลดได้

ซึ่งร้านค้าที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตไร้ขยะมากที่สุด ก็คงจะเป็นร้าน Bulk store หรือร้านค้าแบบเติม ที่ให้เรานำขวดบรรจุภัณฑ์เก่ามาเติมผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้ถึงร้าน และเริ่มมีมากขึ้นในเมืองใหญ่ๆ ทั้งกรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต หรือหัวหิน แต่นอกเหนือไปจากร้านรีฟิลที่มีสเตชั่นให้เรานำขวด บรรจุภัณฑ์รียูสไปเติมของใช้ที่ร้านได้แล้ว ในวันนี้เรายังมีร้านรีฟิลทางเลือกที่ช่วยให้วิถีชีวิตแบบกรีนๆ เข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้นมาแนะนำให้ทุกคนทำความรู้จักกัน

กรีนกันถึงบ้านและที่ทำงาน ด้วยรถรีฟิลเคลื่อนที่จาก Greenherit

พั่น-พิมพ์รมัย หาราชัย หนึ่งในผู้ก่อตั้งของ Greenherit บอกว่าจุดเริ่มต้นของรถรีฟิลแห่งนี้มาจากความสนใจส่วนตัวที่อยากลดขยะในชีวิตประจำวัน

“ตอนแรกอยากใช้วิถีชีวิตแบบ zero waste หรือแนวคิดขยะเหลือศูนย์ที่จะไม่สร้างขยะใหม่ๆ โดยเริ่มจากการพกขวดพกหลอดเอง แต่พบว่ามันมีจิ๊กซอว์ตัวหนึ่งที่หายไปคือสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งในเวลานั้นยังไม่ค่อยมีร้านรีฟิลในประเทศ เราอยากให้คนสามารถช่วยกันลดขยะได้มากขึ้น จึงรวมตัวกับพี่ปุ่น (ลัดดาวัลย์ จรูญลักษณ์คนา) และพี่เกท (เกษลักษณ์ หาราชัย) ปั้นร้านรีฟิลขึ้นมา”

พั่นบอกว่าในช่วงแรกที่เริ่มเธอก็มองโมเดลธุรกิจไว้ว่าจะมีหน้าร้านเหมือนกับร้านรีฟิลทั่วไป แต่รูปแบบของร้านก็เปลี่ยนไปเมื่อเธอได้มีโอกาสไปเรียนเกี่ยวกับการทำธุรกิจที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 

“ตอนเรียน เขาให้เราทดสอบโมเดลธุรกิจบนกระดาษ ด้วยความที่ตอนนั้นยังไม่มีใครรู้จักร้านแบบรีฟิล ยังไม่รู้ว่าจะเวิร์กไหม เขาก็ให้เราทดสอบว่าจะมีคนมาซื้อสินค้ากับเราจริงหรือเปล่า จะมีคนยอมแบกขวดมา มีคนเดินทางมา ใช้ชีวิตที่สะดวกสบายน้อยลงหรือเปล่า พอเราทดสอบ เห็นปัญหาของมันแล้ว จึงคิดว่าถ้าทำร้านรีฟิลที่สามารถเคลื่อนที่เข้าหาลูกค้าได้ อาจเป็นธุรกิจที่ตอบโจทย์มากกว่า”

รถรีฟิลเคลื่อนที่ของ Greenherit  นอกจากจะมีผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายและผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดทั้งออร์แกนิกและไม่ออร์แกนิก มาให้ทุกคนเลือกซื้อเลือกเติมแล้ว ยังมีสินค้าในกลุ่มของกินตั้งแต่อาหารแห้ง ข้าวสาร เส้นสปาเกตตี น้ำพริก เครื่องเทศ ไปจนถึงขนมขบเคี้ยวจากกลุ่มเกษตรกรชาวบ้าน รวมไปถึงภาชนะต่างๆ สำหรับเติมผลิตภัณฑ์ เช่น โหลแก้ว ขวดเปล่า และของใช้ในชีวิตประจำวัน เช่นหลอดไม้ไผ่ แปรงสีฟัน อัดแน่นมาเต็มรถ

เราคิดว่าตัวเองคือร้านขายปลีกร้านหนึ่ง เราจึงคิดว่าสินค้ามันต้องมีความหลากหลายทั้งของกินของใช้ และที่สำคัญต้องเป็นของที่มีคุณภาพดี เพราะว่าร้านของเราไม่ได้ดึงดูดเฉพาะลูกค้าที่กรีนอยู่แล้ว สนใจร้านรีฟิลอยู่แล้ว แต่ยังสามารถดึงดูดคนทั่วไปที่บังเอิญมาพบเจอได้อีกด้วย ของจึงต้องเป็นของที่ลูกค้าอยากมาซื้อ เพื่อให้ร้านเราเป็นจุดเริ่มต้นที่ช่วยให้ทุกคนลดขยะ”

ปัจจุบันรถของ Greenherit นั้นขับเคลื่อนไปตามสถานที่ทำงานต่างๆ หมู่บ้าน คอนโด รวมถึงตลาดสีเขียวในกรุงเทพฯ ซึ่งสามารถติดตามทางแฟนเพจของร้าน และยังมีร้านป๊อปอัพประจำที่ตั้งอยู่ใน Siam Discovery และ Samyan Mitrtown ให้เลือกเข้าไปซื้อได้

พั่นยังบอกกับเราว่า ถ้าใครที่สนใจให้ Greenherit ขับไปในละแวกบ้านหรือที่ทำงานของตนเองก็สามารถบอกพวกเธอได้ทางแฟนเพจ เธอจะนำไปพิจารณาความเป็นไปได้ และไม่แน่คุณอาจจะมีรถรีฟิลขับเคลื่อนไปให้เติมกันได้อย่างสะดวกสบายแถวบ้านคุณ

FB:www.facebook.com/Greenherit

กรีนได้ทั่วไทย ด้วยบริการส่งไปรษณีย์จาก GreenCall

แม-พริมา เพิ่มสุวรรณ เป็นอีกหนึ่งคนที่เริ่มสนใจธุรกิจร้านรีฟิลจากไลฟ์สไตล์การลดใช้ขยะในชีวิตประจำวัน เธอบอกว่าใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวงที่พอจะมีร้านค้ารีฟิลให้เลือกอยู่บ้าง ก็ยังพบว่าการเดินทางไปเติมของใช้ที่ร้านรีฟิลบ่อยๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย

“เราเองอาศัยอยู่ในย่านที่รถติด การจะออกจากบ้านไปเติมน้ำยากับร้านค้าที่มีให้บริการไม่ใช่เรื่องง่าย อาจจะเพราะร้านค้าส่วนใหญ่ไม่ได้ตั้งอยู่ในแหล่งพลุกพล่านหรือจอดรถแวะซื้อระหว่างเดินทางได้ จึงเกิดเป็นไอเดียที่สร้างร้านรีฟิลแบบออนไลน์ ที่สามารถรับส่งบรรจุภัณฑ์มารีฟิลน้ำยาได้ขึ้นมา”

แมบอกกับเราว่าธุรกิจของเธอเปรียบเสมือนร้านค้าออนไลน์ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้คนเมืองที่ไม่สามารถไปเติมน้ำยาจากร้านค้าที่มีหรือใครที่ไม่คุ้นเคยกับการที่ต้องวางแผน เตรียมบรรจุภัณท์ที่เหมาะสมสำหรับการเติมสินค้าชนิดต่างๆ GreenCall จึงอยากเป็นตัวกลางอำนวยความสะดวกให้วิถีชีวิตกรีนๆ สบายยิ่งขึ้น

ซึ่งบริการของ GreenCall นั้นมี 3 รูปแบบได้แก่

1. ลูกค้าส่งขวดที่มีอยู่มาเติมน้ำยากับทางร้าน โดยจะส่งขวดคืนกลับไปด้วยกล่องพัสดุเดิมหรือถุงใบเดิมที่ส่งมา 

2. การซื้อขวดแก้วสำหรับคนที่สนใจบริการรีฟิล แต่ไม่มีบรรจุภัณฑ์ โดยจะเก็บค่าขวดแก้วเพียง 20 บาท คล้ายกับการมัดจำที่จะเป็นแรงกระตุ้นให้ลูกค้านำขวดเดิมมาซื้อในครั้งต่อไป 

3. นำขวดรียูสที่ร้านมีอยู่แล้วมาให้บริการทันที สำหรับคนที่ไม่แน่ใจว่าจะใช้ระบบรับส่งของที่ร้านไปยาวๆ แต่ต้องการสั่งน้ำยากับร้านดูก่อน โดยที่ร้านจะนำขวดรียูสที่ทำความสะอาดแล้ว คัดเลือกขนาดที่เหมาะสมกับปริมาณที่ลูกค้าสั่ง แล้วส่งไปให้เลยโดยไม่คิดค่าขวด คิดแต่ค่าน้ำยา

ผลิตภัณฑ์ที่นำมาจำหน่ายมีทั้งแชมพู ครีมอาบน้ำ หรือน้ำยาเพื่อการซักล้างต่างๆ ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่เลือกมเป็นแบบออร์แกนิกและไม่ทำร้ายธรรมชาติ นอกจากนี้มีอุปกรณ์ตัวช่วยที่จะใช้ทุกคนลดการใช้พลาสติกได้มากขึ้นเช่น แก้วน้ำซิลิโคน หลอดแก้ว แปรงสีฟัน ยาสีฟัน เป็นต้น

แมบอกเราว่าหลังจากเปิดให้บริการมาได้ประมาณ 6 เดือน พบว่าผลตอบรับดีกว่าที่คิด ทั้งจากลูกค้าในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด “ลูกค้าส่วนมากบอกว่าดีจังเลยที่มีบริการแบบนี้ เพราะช่วยให้ร้านรีฟิลสามารถเข้าถึงคนที่อยู่ไกลๆ อยู่นอกเมือง หรือต่างจังหวัดได้ นอกจากนี้ยังตอบโจทย์คนที่ไม่สะดวกออกไปร้านรีฟิลที่อื่นๆ เอง อย่างเช่นลูกค้าที่เจอบ่อยๆ จะเป็นคุณแม่ที่ดูแลลูก ไม่สะดวกออกนอกบ้าน ก็จะเรียกเราเข้าไปรับไปส่งของให้”

นี่คือความมุ่งมั่นและตั้งใจ ที่จะช่วยให้การลดใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวแล้วทิ้งได้ง่ายขึ้นของ GreenCall

FB: www.facebook.com/greencallth