วันที่เขียนนี้เป็นวันแรกที่ฉันเห็นดอกลำดวนที่ปลูกเอาไว้ตั้งแต่สร้างบ้านผลิบาน ย่างเข้าปีที่ 8 ต้นลำดวนที่ซื้อมาปลูกพร้อมบ้านเพิ่งออกดอกให้ได้ชมครั้งแรก ทำให้ฉันนึกถึงวันแรกๆ ที่เข้ามาอยู่ที่นี่ ฉันย้ายจากกรุงเทพฯ มาอยู่ปากช่องด้วยเหตุผลว่าฉันจะสามารถรักษาสุขภาพของตัวเองได้ดีขึ้น เพราะจะได้อยู่ในที่ๆ อากาศดี และมีที่ทางสำหรับปลูกผักผลไม้กินเองได้ ซึ่งคนที่คิดจะรักษาตัวในแนวทางธรรมชาติบำบัดและต้องการกินอาหารอินทรีย์อย่างฉัน ตระหนักว่าคงใช้ชีวิตแบบที่อยากได้ยากถ้าหากยังอยู่กรุงเทพฯ 7 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่บ้านเราเพิ่งสร้างและลงต้นไม้เอาไว้ ถึงวันนี้ต้นไม้ต่างๆ ที่เหลือรอด ก็ออกดอกออกผลให้เชยชมกันแล้วเป็นส่วนใหญ่ คุณแม่ของฉันชอบปลูกดอกไม้ ส่วนฉันเน้นไปที่ต้นไม้ที่มีผลผลิตให้กินได้ เพราะฉันอยากกินของที่ปลอดภัยไว้ใจได้ให้มากที่สุด

เราหามะม่วงหลายๆ พันธุ์ที่อร่อยมาปลูกเอาไว้กิน เรามีอะโวคาโด (ที่ทั้งตั้งใจนำต้นมาปลูกและโยนเมล็ดไว้แล้วมันขึ้นเอง) ที่กำลังรอให้มีลูกให้เราชิม เรามีมะยงชิดที่เพิ่งออกดอกและผลเป็นปีแรกเหมือนกัน ฉันไปซื้อต้นทุเรียนเทศจากงานเกษตรแฟร์มาปลูกไว้เพราะติดใจตอนที่ได้กินน้ำของมันที่บาหลี ไม่ใช่เพราะข่าวที่แชร์กันว่าใบของมันรักษามะเร็งหาย เพราะฉันไม่เคยเชื่อว่าจะมีอะไรสักอย่างหนึ่งที่จะรักษาทุกคนที่เป็นโรคหาย เพราะชีวิตมนุษย์เป็นองค์รวม มีหลายปัจจัยทั้งภายนอกและภายในที่ทำให้เป็นโรคและรักษาโรคได้

นอกจากนี้ ฉันยังมีแปลงผักเล็กๆ อยู่เรื่อยๆ วนไปตามที่ต่างๆ ในบ้าน เป็นการปลูกแบบไม่จริงจัง อยากมีอะไรกินก็ปลูก ของที่กินในชีวิตประจำวันจึงต้องมีติดบ้านตลอด เช่น กะเพราแดง พริกขี้หนู มะนาว ตะไคร้ ใบมะกรูด และผักพื้นบ้านที่ปลูกง่ายอื่นๆ นอกนั้นก็ตามแต่ที่อยากทดลองเล่นๆ แต่กินจริง ส่วนใหญ่มักเป็นผักเมืองหนาวที่นอกจากได้เอาไว้กินแล้วยังได้เอาไว้อวดชาวบ้านด้วย เพราะปากช่องมีข้อได้เปรียบของการอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลราว 500 เมตรและมีอากาศเย็นกว่ากรุงเทพฯ 5-10 องศาเซลเซียสตลอดปี ทำให้เราปลูกผักได้ราวกับอยู่บนดอยที่เชียงใหม่ และทำให้คนที่อยู่กรุงเทพฯ ตื่นเต้นเสมอเวลาได้เห็นผักของบ้านฉัน

และนอกจากผักผลไม้ที่เอาไว้กินและดอกไม้ที่เอาไว้ดู ฉันต้องปลูกดอกไม้และพืชผักที่เอามาใช้ทำสีได้อีกด้วย หลังจากลุยใช้ชีวิตออร์แกนิกด้วยการกินอยู่มาหลายปี เมื่อประมาณ 3 ปีก่อนฉันค้นพบว่าสีจากดอกไม้ใบไม้นี่เอามาใช้วาดรูปแทนสีน้ำปกติที่ฉันใช้อยู่ทุกวันได้ด้วย ฉันค้นพบในวันที่เด็ดดอกอัญชันมาทำชาดื่มตอนบ่าย กรรมวิธีก็แค่เด็ดดอกอัญชันสดจากต้นมาใส่ในแก้วที่มีน้ำร้อน แต่ระหว่างที่รอชา ฉันก็เห็นสีน้ำเงินค่อยๆ ละลายออกมาในน้ำร้อน ลีลาของมันเหมือนตอนที่ฉันล้างพู่กันในแก้วน้ำจนทำให้ฉันคิดว่า ในเมื่อสีของอัญชันละลายในน้ำแบบนี้ มันจะต่างอะไรกับสีน้ำ ซึ่งเป็นสีที่ละลายในน้ำเหมือนกัน นี่คือจุดเริ่มต้นของการใช้สีน้ำจากดอกไม้ของฉัน หลังจากนั้นฉันก็พยายามทดลองสีอื่นๆจากดอกไม้ต้นไม้รอบตัว ซึ่งก็พบว่าเราโชคดีมากที่ย้ายมาอยู่ที่นี่ เพราะฉันมีกรรณิการ์ถึง 3 ต้น ซึ่งดอกของมันให้สีเหลืองสดสวย ฉันมีต้นพริกฝรั่งที่คุณแม่เอามาปลูก มันเป็นต้นไม้เล็กๆ ที่ขึ้นเองทั่วไป มีลูกเล็กๆ สีแดงสวย เมื่อบี้ออกมาเป็นสีแดงอมส้ม ตอนเด็กๆ ฉันจำได้ว่าเอามาเล่นเป็นเลือดบ่อยๆ

แค่ 3 ต้นนี้ ฉันก็มีแม่สีครบแล้ว แต่ฉันก็พยายามค้นคว้าและทดลองของฉันไปเรื่อยๆ ลองกับดอกไม้ใบไม้ที่พบเห็นทั้งที่ออกตลอดปีและออกตามฤดูกาล เรียนรู้เฉดสีหลากหลายจากพวกมัน แต่ถ้าจะหยิบยกต้นไม้สักต้น ต้องบอกว่าฉันเป็นหนี้บุญคุณอัญชันมาก เพราะนอกจากอัญชันแล้ว ฉันคงหาสีน้ำเงินมาใช้ไม่ได้ง่ายๆ จากพืชผักชนิดอื่น แถมยังได้ดื่มชาอัญชันเพื่อรับแอนโทไซยานิน ได้เด็ดดอกอัญชันกลีบซ้อนมาชุบไข่ทอดกินกับน้ำพริกกะปิในฤดูที่ไม่มีมะเขือยาวออก เรียกว่าฉันทั้งดื่มอัญชัน กินอัญชัน และระบายอัญชันก็ได้ แถมสีเขียวหลักของฉันตอนนี้ ก็ยังเป็นสีจากใบอัญชันอีกด้วย เพราะถ้าฉันใช้ใบฟ้าทะลายโจร ถึงจะมีสีเขียวเข้มและหาง่าย แต่พอตำเอาสีทีไรจะขมปากทุกที เอาไว้เวลามีไข้ค่อยเอามาใช้จะดีกว่า

อันที่จริงก็มีต้นไม้อีกหลายชนิดที่ให้ฉันได้ใช้ประโยชน์อย่างบูรณาการ ผักปลังกินยอดและใบ ส่วนเมล็ดแก่เอามาทำสีได้ฉูดฉาดดี จริงๆ เอามาทำน้ำดื่มก็ได้ด้วย ส่วนบีทรูทที่ฉันเอามาสกัดน้ำผักผลไม้ดื่มอร่อยเกือบทุกเช้าในฤดูที่มี หรือเอามาหั่นนาบกระทะกินกับผักย่างอื่นๆ ก็อร่อยหวานทีเดียว หลังจากนั้น ฉันก็เอาเปลือกที่ปอกทิ้งรวมๆ กันไว้ไปตำเอาสีมาใช้งานได้อีก

มาถึงวันนี้ ฉันก็ยังสนุกกับการใช้ชีวิตและใช้สีน้ำจากดอกไม้ของฉันอยู่ทุกวัน และมั่นใจว่า ฉันต้องเป็นคนหนึ่งที่ใช้ประโยชน์จากพืชผักได้มากกว่าคนอื่นๆ ทั่วไปแน่นอน