เมื่อต้องเดินทางไปท่องเที่ยวตามประเทศต่าง ๆ นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่ต้องตามไปเชคอินแล้ว อาหารประจำท้องถิ่น หรือ อาหารประจำชาติก็ถือว่าเป็น อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นสีสันสำหรับนักท่องเที่ยวและนักชิมที่ต้องไปลองของดีของเด่นของสถานที่นั้น ๆ เราเองก็เป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบที่จะตามไปชิมอาหารประจำท้องถิ่นตามสถานที่ต่าง ๆ ที่ได้มีโอกาสไป และครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ได้มีโอกาสไปลิ้มรสชาติอาหารของเมืองโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก แต่สิ่งที่แตกต่างไปจากร้านอาหารทั่ว ๆ ไปนั้นคือ เรื่องราวที่มาของอาหารในครั้งนี้

เราได้มีโอกาสรู้จักกับกลุ่มอาสาสมัคร Copenhagen Food Cooperative ที่นี่มีอาสาสมัครกลุ่มหนึ่งสามารถจัดการแจกจ่ายผักปลอดสารเคมีปริมาณ 5 ตันต่อสัปดาห์ให้แก่ชาวเมืองโคเปนเฮเกน กลุ่มนี้เกิดจากการรวมตัวกันของกลุ่มอาสาสมัคร ที่สนใจเรื่องของอาหารปลอดสารพิษ โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากกลุ่มอาสาสมัครรูปแบบเดียวกันในกรุงนครนิวยอร์ก

กลุ่ม Food Cooperative นี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อ เดือนเมษายน ปี2008 จนถึงปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 3,000 ราย และมีการกระจายตัวของกลุ่มเครือข่ายออกไปทั่วกรุงโคเปนเฮเกน โดยทุก ๆ เดือนอาสาสมัครทุกคนจะต้องมาทำงานร่วมกัน 3 ชั่วโมง โดยหน้าที่รับผิดชอบแบ่งออกเป็น ฝ่ายรับสินค้า ขนส่งสินค้า รับผักและผลไม้มาจากฟาร์มออร์แกนิกโดยตรง ซึ่งฟาร์มส่วนใหญ่ที่เลือก ทางกลุ่มจะพยายามให้เป็นของที่อยู่ในท้องถิ่น นอกจากฝ่ายนี้แล้วก็จะมีฝ่ายบรรุภัณฑ์ ซึ่งจะนำเอาผักต่าง ๆ มาบรรจุลงถุงผ้า เพื่อจัดให้กับสมาชิกที่สั่งผัก นอกจากนั้นก็จะมีฝ่ายการเงิน ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ทำงานร่วมกัน

นอกจากกลุ่มนี้จะจัดส่งผักออร์แกนิกให้สำหรับสมาชิกแล้ว ยังรับทำอาหารออร์แกนิกเปิดบริการมื้อเย็นในทุก ๆ วันพุธ โดยใช้โรงเรียนแห่งหนึ่งที่อนุญาตให้ใช้สถานที่ฟรี สำหรับสมาชิกที่สนใจมารับประทานอาหารจะต้องจ่ายค่าอาหาร ครั้งละ 25 โคลนน์ เดนนิส ที่ผ่าน ๆ มาก็มีสมาชิกที่สนใจอาหารมื้อเย็นครั้งละประมาณ 15-25 คน

เรามีโอกาสได้เข้าไปช่วยงานในครัวและลองรับประทานอาหารออร์แกนิกฝีมืออาสาสมัครกลุ่มนี้ด้วย บอกได้ว่าเมื่อได้เห็นอาหารที่มาเสิร์ฟนั้นน้ำลายก็สอทันที หน้าตาอาหารน่าทาน สีสันสดใส มีผักหน้าตาแปลก ๆ หลากหลายชนิด รสชาติอาจไม่ค่อยถูกปากนักคนทานรสจัด เพราะส่วนใหญ่จะออกไปทางรสจืด แต่ระหว่างที่รับประทานให้ความรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก อาจเป็นเพราะผักและวัตถุดิบที่นำมาปรุงอาหารนั้น หวาน กรอบ สดใหม่

ระหว่างช่วงรับประทานอาหารนั้น กลุ่มอาสาสมัครคนหนึ่งได้เล่าให้ฟังว่า ทุกคนที่มาทำงานนั้น มาด้วยใจและไม่ได้ค่าแรงหรือค่าตอบแทนใด ๆ เลย รายได้ที่ได้จากค่าสมาชิก ค่าผักและค่าอาหารนั้น 95% ก็เป็นค่าซื้อผักจากเกษตรกร ซึ่งการที่ทางกลุ่มซื้อผักโดยตรงกับเกษตรกรนั้นเนื่องจากทางกลุ่มต้องการที่จะตัดปัญหาเรื่องพ่อค้าคนกลาง และให้เกษตรกรได้ราคาที่เป็นธรรมและเป็นการส่งเสริมเกษตรกรรายย่อย และสนับสนุนให้เกษตรกรให้มาปลูกผักออร์แกนิกมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้น ยังส่งผลดีต่อผู้บริโภคที่จะได้ผักที่มีคุณภาพดีและราคาถูกอีกด้วย ส่วนอีก 5 %นั้นก็เป็นค่าขนส่ง ทางกลุ่มเองก็ยอมรับว่า ยังมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายเรื่องค่าขนส่งนี้อยู่บ้าง เพราะเกษตรเมือง หรือแปลงผักที่อยู่ละแวกในเมืองก็ยังมีน้อย ให้ผลผลิตที่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของสมาชิก จึงจำเป็นต้องมีการขนส่งระยะทางค่อนข้างไกลออกไปจากตัวเมือง ทางกลุ่มพยายามที่จะให้อยู่ภายในรัศมี 100 กิโลเมตร จากตัวเมืองโคเปนเฮเกน เพื่อลดค่าใช้จ่าย และลดมลภาวะที่เกิดจากการขนส่งอีกด้วย

คนที่สนใจสมัครสมาชิกกลุ่มนี้ เพียงแค่จ่ายเงินค่าสมาชิก 100 โคลนน์ เดนนิส ผู้สมัครจะได้รับข่าวสาร และสามารถซื้อ ผัก ผลไม้จากกลุ่มได้ โดยใช้ระบบสั่งจองและจ่ายเงินล่วงหน้า ราคาผักถุงละ 100 โคลนน์ เดนนิส หรือ ถุงผักจะบรรจุผักและผลไม้ประมาณ 6-8 กิโลกรัม โดยแต่ละสัปดาห์ ผักและผลไม้ที่จัดส่งนั้น สมาชิกจะไม่ทราบว่าครั้งนี้จะได้ผักอะไรบ้าง เพราะจะเป็นผักตามฤดูกาลหรือเป็นผักที่สามารถหามาได้ตามรอบนั้น ๆ สมาชิกที่สั่งถุงผักจะต้องมารับผักที่สั่งด้วยตัวเองไม่มีระบบจัดส่งให้ หากสมาชิกคนไหนที่สั่งซื้อถุงผักแล้วไม่ได้มารับก็จะไม่สามารถเอาเงินคืนได้ เงินส่วนนั้นจะถือว่าสมทบทุนโครงการและผักที่เหลือก็จะนำไปบริจาคให้ผู้ยากไร้ต่อไป

สมาชิกของโครงการนี้มีกว่า 3,000 ราย และมีสมาชิกที่สั่งถุงผักอย่างสม่ำเสมอ กว่า 200 ราย จากการประชาสัมพันธ์ปากต่อปากของ กลุ่มสมาชิกต่อไปยังชาวเมืองโคเปนเฮเกนและความช่วยเหลือในการประชาสัมพันธ์ของเทศบาล ทำให้ปัจจุบันโครงการนี้ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักในฐานะโครงการของกลุ่มอาสาสมัครคนรุ่นใหม่ที่ทำงานรณรงค์ด้านอาหารออร์แกนิคแห่งกรุงโคเปนเฮเกน

ภาพ : กรชชนก หุตะแพทย์