จะดีแค่ไหนถ้าเครื่องทำความเย็น เครื่องฟอกอากาศ เครื่องผลิตออกซิเจน และเครื่องป้องกันโจรเป็นเครื่องเดียวกันและมีราคาถูก

เรากำลังพูดถึง ‘ต้นไม้’ ทุกวันนี้เทคโนโลยีก้าวล้ำไปมาก เพราะมนุษย์คิดค้นหาเครื่องมือใหม่ๆ ที่ทำให้ชีวิตเราดีขึ้น แต่กลับทำลาย ‘ต้นไม้’ เครื่องมือวิเศษที่ธรรมชาติมอบให้กับเรา

ในป่าคอนกรีตที่เต็มไปด้วยตึกระฟ้าอย่างกรุงเทพมหานคร ต้นไม้ใหญ่แทบจะกลายเป็นของหายาก ทั้งถูกโค่นและลดจำนวนลงอย่างรวดเร็วตามอัตราการขยายและพัฒนาของเมือง เนื่องจากที่ดินทุกตารางนิ้วได้ถูกตีเป็นมูลค่ามหาศาล ในประเทศไทยเราเองยังไม่มีการคิดมูลค่าของต้นไม้และการตัดต้นไม้ในที่ดินเอกชนก็ทำได้อย่างถูกกฎหมาย ผิดกับประเทศญี่ปุ่นที่มีกฎหมายคุ้มครองต้นไม้ใหญ่ที่สูงกว่า 10 เมตร ต่อให้คุณเป็นเจ้าของที่ดินก็ห้ามตัดทิ้งโดยเด็ดขาด ถ้าหากไม่ต้องการจริงๆ ก็สามารถล้อมออกจากพื้นที่ได้เพราะเขาถือว่าต้นไม้เป็นสมบัติของทุกคน

ทำไมดูสีเขียวของต้นไม้แล้วสบายตา

หากท่องสีของสายรุ้งและนับนิ้วให้ดี เราจะเห็นว่าสีเขียวเป็นสีที่อยู่ตรงกลางแถบสีทั้งหมด ทำให้เราไม่ต้องใช้เซลล์ประสาทในการจ้องมากเกินไป ผิดกับความเมื่อยล้าที่เกิดจากแสงสีฟ้าในยุคดิจิตอล นอกจากนี้รูปทรงของต้นไม้ยังช่วยทำให้เมืองดูน่าอยู่มากยิ่งขึ้นด้วย รูปทรงมนๆ และรายละเอียดเล็กๆ ทำให้เมืองดูนุ่มนวลมากขึ้น ลดทอนความแข็งกระด้างของสิ่งปลูกสร้างรูปทรงเรขาคณิต แถมสารระเหยจากพืชที่ลอยมาในอากาศยังช่วยให้เรารู้สึกสดชื่นและลดความเครียดได้อีกด้วย



เกาะความร้อนและต้นไม้เบอร์ 5

ในเมืองที่เต็มไปด้วยอาคารมากมาย มีการใช้ไฟฟ้าและปล่อยพลังงานความร้อนออกสู่บรรยากาศ พื้นผิวของเมืองที่ปกคลุมไปด้วยคอนกรีต ซีเมนต์ และยางมะตอย ล้วนแล้วแต่กักเก็บความร้อนเอาไว้ได้เป็นอย่างดี ทำให้เมืองมีอุณภูมิสูงกว่าพื้นที่โดยรอบอย่างมาก จนถึงกลับมีชื่อเรียกปรากฎการณ์นี้ว่า ‘ปรากฏการณ์เกาะความร้อน’ (urban heat island) ซึ่งเมืองกลายเป็นกระจุกความร้อน ไม่เพียงแต่ต้องใช้พลังงานในเมืองสิ้นเปลืองมากขึ้น แต่ยังทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นจากคลื่นความร้อนอีกด้วย

แต่หากเมืองไหนมีพื้นที่สีเขียวก็สามารถช่วยลดความร้อนของพื้นผิวได้ ต้นไม้ที่ปลูกใกล้กับอาคาร ร่มเงาของมันก็จะช่วยลดอุณหภูมิของอาคารลงได้ทั้งหลัง ต้นไม้เพียงต้นเดียวสามารถให้ความเย็นเท่ากับ แอร์ 10 ตัวที่ทำงาน 20 ชั่วโมงต่อวัน แถมยังมีระบบกรองอากาศสุดพิเศษที่คอยดักจับฝุ่นผงในอากาศให้ลดลงได้ 27-42 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปริมาณฝุ่นละอองที่ตกในพื้นที่โล่ง

ปลูกต้นไม้ลดอาชญากรรม

อาจจะฟังดูเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันได้เลย แต่ผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยเวอร์มอนต์ สหรัฐอเมริกา ได้ทำการศึกษาขนาดพื้นที่สีเขียวและอัตราการเกิดอาชญากรรมในเมืองบัลติมอร์ และพบว่าทั้งสองสิ่งนี้มีความสัมพันธ์กันอย่างมาก โดยพื้นที่สีเขียวที่เพิ่มขึ้นทุก 10% มีผลทำให้อัตราการเกิดอาชญากรรมลดลงถึง 12% โดยสันนิษฐานว่าอาจจะเป็นเพราะผู้คนหันมาใช้ชีวิตนอกบ้านกันมากขึ้น มีพื้นที่ให้พบปะสังสรรค์กันและคอยเป็นหูเป็นตาให้กัน และพื้นที่สีเขียวยังทำให้เมืองแลดูมีการจัดการอย่างดี จึงเป็นเหตุให้อาชญากรไม่กล้าที่จะก่อเรื่องก่อราว

ต้นไม้ใหญ่อาจจะไม่สามารถตี ‘มูลค่า’ ออกมาเป็นเม็ดเงินที่ชี้วัดได้ แต่ว่ามันมี ‘คุณค่า’ มหาศาลทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สุขภาพ สังคม และคุณภาพชีวิต บริการเหล่านี้เขามอบให้กับเราทุกวันไม่เว้นวันหยุด

แล้วคุณได้มีเวลาออกไปทักทายพี่ต้นไม้ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่กันล่ะ?

ภาพประกอบ: paperis