อาจเรียกว่าเป็นไปไม่ได้ ถ้าเราอยากจะเลี่ยงเมนูไข่

อาหารจานไข่ โดยเฉพาะ ‘ไข่ไก่’ นับเป็นเมนูคู่ครัวของคนทั่วโลก เรากินไข่กันมาตั้งแต่จำความได้ กระทั่งอาหารจานไข่กลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตชนิดแยกจากกันไม่ขาด ยืนยันจากยอดบริโภคไข่ไก่ของคนไทยตลอดปี 2560 ซึ่งอยู่ที่ 240 ฟอง/คน/ปี นับว่าไม่น้อยเมื่อเทียบกับจำนวนอาหาร 3 มื้อในแต่ละวัน

ทว่าคำถามสำคัญก็คือ ไข่ไก่ที่เราซื้อนั้นมาจากไหน? แล้วดีจริงไหม?

เพราะถึงแม้ไข่ไก่ทุกฟองจะมีสารอาหารใกล้เคียงกัน อาทิ วิตามินเอ ฟอสฟอรัส และธาตุเหล็ก แต่ถ้ามองกันให้ลึกถึงรายละเอียด จะพบว่าไข่ไก่ส่วนมากในท้องตลาดมีแง่มุมที่น่ากังวลไม่น้อย ทั้งเรื่องใช้สารเคมีเร่งให้แม่ไก่ออกไข่ทุกวัน เรื่อยไปถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมใหญ่ๆ ที่นับเป็นเรื่องน่าหวั่นใจระดับประเทศ

เรื่องน่าหวั่นใจของไก่ยืนกรง

เรื่องน่ากังวลใจข้อแรกก็คือ ไข่ไก่ในท้องตลาดทุกวันนี้ส่วนใหญ่ผลิตขึ้นในระบบอุตสาหกรรม ยกตัวอย่างให้เห็นภาพก็เช่น การเลี้ยงไก่จำนวนหลายพันตัวในโรงเรือนระบบปิด หรือที่คนในวงการปศุสัตว์เรียกกันว่า ‘ไก่ยืนกรง’ (Closed house System Poulty) หมายถึงวิธีเลี้ยงแม่ไก่ในกรงแคบๆ ขนาดพอดีตัว มีระบบให้อาหารเป็นเวลา ควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะกับการฟักไข่อยู่เสมอ และส่วนมากมักให้ยาปฏิชีวนะกับแม่ไก่เป็นประจำ เนื่องจากการเลี้ยงสัตว์จำนวนมากในโรงเรือนขนาดใหญ่ย่อมเสี่ยงกับโรคภัยมากกว่าปกติหลายเท่า

นอกจากยาปฏิชีวนะที่ถูกฉีดเข้าไปในตัวแม่ไก่ (และใช่ มันก็จะผสมอยู่ในไข่ด้วย)​ ‘อาหารไก่’ ก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่หลายฝ่ายกังวลใจไม่แพ้กัน เพราะ 50 เปอร์เซ็นต์ของอาหารที่ใช้เลี้ยงไก่ในระบบอุตสาหกรรม คือ ‘เมล็ดข้าวโพด’ ซึ่งมีสารอาหารเหมาะกับการขุนไก่ไข่ให้อวบอ้วน ทว่าข้าวโพดเหล่านั้นส่วนมากเป็นผลผลิตจากการปลูกข้าวโพดเชิงเดี่ยวที่อุดมด้วยปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลง กว่านั้นยังตัวเลขประเมินว่าพื้นที่ปลูกข้าวโพดกว่า 1 ใน 3 ของไทยนั้นลุกล้ำอยู่ในพื้นที่ป่าสงวน เนื่องจากข้าวโพดเป็นพืชใช้น้ำน้อย จึงสามารถปลูกบนที่ดอนได้ เราจึงไม่วายได้เห็นภูเขาหัวโล้นกระจายตัวอยู่แทบทุกจังหวัด อีกทั้งการเผาซังและเปลือกข้าวโพดยังเป็นต้นทางของปัญหาหมอกควันทางภาคเหนือที่เรื้อรังมานานหลายปี

การบริโภคไข่ไก่เชิงอุตสาหกรรมจึงไม่ได้ทำลายแค่สุขภาพของเรา แต่เกี่ยวพันกับการทำลายสุขภาพของโลกอย่างที่เราอาจไม่ทันคาดคิด และแน่นอนว่า เมื่อมีผู้กินก็ย่อมมีผู้ขาย แม่ไก่หลายล้านตัวจึงยังต้องกลายเป็นไก่ยืนกรงอยู่ในฟาร์มขนาดใหญ่ราวกับเป็นสิ่งไม่มีชีวิตจิตใจทั้งยังไร้ทางออก

แต่ก็ใช่ว่าเราจะต้องโบกลาเมนูไข่ เพราะถึงอย่างไรไข่ไก่ก็มีประโยชน์ และจะมีประโยชน์ขึ้นอีกระดับ ถ้าเราเลือกรับแต่ไข่ไก่ที่รู้ที่มา

ไข่จากแม่ไก่ที่ใช้ชีวิตอย่างอิสระ

ถ้าหากอยากได้ไข่คุณภาพดี แม่ไก่ต้องมีชีวิตที่สุขสบาย

ความสุขสบายในแง่ที่ว่า ได้ดำเนินชีวิตอย่างอิสระตามธรรมชาติ โดยมีเกษตรกรคอยกำกับดูแลเรื่องความสะอาด สุขอนามัย และใส่ใจเรื่องอาหารการกินของมันอยู่ห่างๆ

ตัวอย่างที่เราได้เข้าไปเห็นมา เช่น ฟาร์มเลี้ยงไก่ปลอดสารพิษ ‘กะต๊ากฟาร์ม’ จังหวัดสมุทรปราการ ของ อาจารย์ก้อย-อัญชนา ท่านเจริญ ผู้เชี่ยวชาญด้านแมลงและการทำเกษตรจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งอาจารย์ก้อยเองเริ่มต้นจากอยากมีไข่ไก่คุณภาพดีไว้กินในครอบครัว จึงเริ่มศึกษาหาวิธีเลี้ยงไก่ที่เป็นมิตรกับทั้งสิ่งแวดล้อม และเป็นมิตรกับสุขภาพคนกิน

“เราอยากผลิตไข่ไก่ปลอดสารพิษในราคาจับต้องได้ วิธีที่ดีที่สุดก็คือ การเลี้ยงโดยอิงกับธรรมชาติ อย่างบ้านเรามีบ่อน้ำ มีแหน ซึ่งแหนนี่แหละคืออาหารที่ดีมากสำหรับไก่ ทำให้ไม่ต้องพึ่งอาหารไก่สำเร็จรูปเลย”

อาจารย์ก้อยเล่าเรื่อยๆ ก่อนเสริมว่า นอกจากแหนจะเป็นอาหารที่อุดมสารอาหารชั้นดีแล้ว ยังมีพืชผักท้องถิ่นอีกหลายชนิดที่ช่วยบำรุงให้ไข่ไก่สวยน่ากิน ไม่ว่าจะใบกระถิน ใบตำลึง หรือการใส่ใบฟ้าทะลายโจรตากแห้งผสมลงในอาหารไก่ทุกมื้อ ซึ่งช่วยทำให้ไก่ฟาร์มนี้แข็งแรงไม่มีโรค และไม่จำเป็นต้องยาปฏิชีวนะ

การใช้พืชผักท้องถิ่นเป็นปัจจัยหลักในการเลี้ยง นอกจากจะปลอดภัย ยังช่วยลดต้นทุนการผลิตไข่ไก่ลงได้หลายเปอร์เซ็นต์ ทำให้ไข่ไก่ปลอดภัยจากกะต๊ากฟาร์มสามารถขายได้ในราคาย่อมเยา สำคัญคือรสชาติของไข่ไก่ที่เลี้ยงแบบปล่อยอิสระ หรือ Free-range นั้นอร่อยกว่าไข่ไก่ทั่วๆ ไปหลายเท่า!

เมนูไข่จากแม่ไก่อารมณ์ดี

นอกจากไข่จากไก่ที่เลี้ยงอย่างอิสระจะกินได้อย่างปลอดภัยสบายใจ เพราะมั่นใจได้ว่าไม่มียาปฏิชีวนะ แถมไก่ยังไม่เครียดจากการต้องทนอยู่ในกรงแคบๆ จึงไม่หลั่งฮอร์โมนเศร้าผสมลงในไข่ แง่ของรสชาติแล้วไข่ไก่จากแม่ไก่ที่ใช้ชีวิตอย่างอิสระยังอร่อยระดับไข่ทั่วไปในท้องตลาดเทียบไม่ติด

ข้อสังเกตก็คือ ไข่แดงของไข่ไก่ประเภทนี้จะเต่งตึง มีสีเหลืองเข้ม มีวุ้นใสเกาะรอบๆ ไข่แดงเป็นจำนวนมาก และมีส่วนน้ำใสๆ เหลวๆ น้อย เมื่อนำมาปรุงเป็นอาหารแล้วหอมมันอร่อยเป็นพิเศษ ยิ่งกว่านั้น สารอาหารสำคัญในไข่ที่ได้จากแม่ไก่อารมณ์ดียังมีมากมายมหาศาล โดยผลวิจัยจากกระทรวงเกษตรสหรัฐ (USDA) พบว่าในไข่ไก่ปลอดภัยนั้นมีเบต้าแคโรทีนมากกว่าไข่ไก่เชิงอุตสาหกรรมถึง 7 เท่า มีวิตามินอีมากกว่า 3 เท่า และมีกรดไขมันโอเมก้า 3 มากกว่าถึง 2 เท่า!

เป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงต้องเลือกกินไข่จากไก่อารมณ์ดี

ภาพถ่าย: ม็อบ อรุณวตรี