ในวันวันหนึ่ง เราสัมผัสสารเคมีอะไรบ้างในชีวิตประจำวัน?

ยาสีฟันฟองฟ่อด น้ำยาบ้วนปากสูตรซอกซอนแสบสัน สบู่เหลวอาบน้ำ แชมพูสระผม คอนดิชันเนอร์ น้ำยาล้างจาน น้ำยาล้างมือ น้ำยาล้างห้องน้ำ น้ำยาซักผ้า น้ำยา น้ำยา และน้ำยา

สารเคมีในชีวิตประจำวันอาจไม่ได้เป็นอันตรายกับมนุษย์อย่างเฉียบพลันทันที แต่เราก็ไม่มีทางแน่ใจว่าการสะสมไว้มากๆ จะส่งผลอย่างไรกับสุขภาพบ้าง นักเคมีหัวใจสีเขียว ดร.ชมพูนุท วรากุลวิทย์ หรืออาจารย์นุ่น อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  ผู้เริ่มไม่ไว้วางใจเกี่ยวกับผลกระทบของสารเคมีที่มีต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม จึงใช้ศาสตร์เคมีที่ตัวเองเชี่ยวชาญ มาทำการทดลองและคิดค้นผลิตภัณฑ์ธรรมชาติเพื่อลดการใช้สารเคมีในชีวิตประจำวัน จนกลายเป็นผลิตภัณฑ์มากมาย ทั้งแชมพู (ที่ไม่ต้องมีครีมนวดผม เพราะถ้าใช้แชมพูจากสารธรรมชาติ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ครีมนวดช่วย) สบู่เหลว น้ำยาอเนกประสงค์ครอบจักรวาล และอื่นๆ อีกมากที่ช่วยลดการใช้สารเคมีได้ไม่น้อย

และใน Greenery Workshop ครั้งนี้ อาจารย์นุ่นได้ชวนเหล่าสมาชิกทดลองทำน้ำยาบ้วนปากสูตรปลอดสารเคมี เพราะทุกส่วนผสมล้วนมาจากธรรมชาติ ปลอดภัยจากสารฟอง ดีกับเด็กๆ ที่อาจจะไม่ชอบแปรงฟันนานๆ ได้ดูแลสุขภาพปากและฟันได้ดีขึ้น และกับเด็กเล็กๆ คุณแม่ก็ไม่ต้องกังวลหากลูกจะกลืนเข้าไป เพราะน้ำยาบ้วนปากตัวนี้ มีสรรพคุณทางยา แก้ปวดท้อง เจ็บคอ ขับเสมหะ ได้อีกด้วย เรียกได้ว่า เป็นทั้งน้ำยาบ้วนปากและยาสามัญประจำบ้านได้ในขวดเดียวกัน

ส่วนผสม

1. อบเชยเทศ 2-3 กำ
2. ดอกกานพลูแห้ง
3. มินท์หรือสะระแหน่ (สดหรือแห้งก็ได้)
4. โรสแมรี (สดหรือแห้งก็ได้)
5. เกลือธรรมชาติ
6. น้ำมันหอมระเหยกลิ่นสเปียร์มินท์ (ถ้ามี)

สรรพคุณจากธรรมชาติ

อบเชย มีน้ำมันหอมระเหยมาก ส่งผลในแง่ของการบำบัดรักษา และตัวอบเชยเองช่วยให้เราผ่อนคลาย ลดกังวล ฆ่าเชื้อตามธรรมชาติ ช่วยดับกลิ่นปากและกลิ่นในระบบทางเดินอาหาร นอกจากนั้นยังช่วยอาการอาหารไม่ย่อย สบายท้องอีกด้วย

กานพลู รสเผ็ด ลดการอักเสบและฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ช่วยแก้โรคเหงือก รำมะนาด ปวดฟัน และสำหรับท้องไส้ กานพลูยังช่วยลดอาการจุกเสียด ช่วยย่อย ลดการปวดเกร็งและการบีบตัวของลำไส้ได้ 

มินท์ เป็นน้ำมันหอมระเหย ช่วยให้ผ่อนคลาย ดับกลิ่บปาก ฆ่าเชื้อ ให้รสซ่า เป็นสมุนไพรยอดฮิตที่น้ำยาบ้วนปากในท้องตลาดนิยมใช้ จึงช่วยให้เราคุ้นเคยกับน้ำยาบ้วนปากสูตรนี้มากขึ้น

โรสแมรี  กลิ่นรสสดชื่น ดับกลิ่นปากได้ดี ลดการอักเสบ แต่ใส่มากไปอาจทำให้ขมได้ 

เกลือ ช่วยฆ่าเชื้อและช่วยให้น้ำยาบ้วนปากสูตรนี้เก็บได้นานขึ้นโดยไม่ต้องใช้วัตถุกันเสีย สามารถเลือกใช้เกลือบริสุทธิ์หรือสะตุเกลือที่มีในครัวก็ได้ วิธีสะตุเกลือคือการละลายเกลือในน้ำและต้มเพื่อกรองสารแขวนลอยและตะกอนออกผ่านผ้าขาวบาง 2-3 ชั้น

วิธีทำ

1. ต้มน้ำให้เดือดในหม้อใบใหญ่ (สูตรนี้ใช้น้ำ 4 ลิตร) 

2. ใส่อบเชย 2-3 กำ กานพลู 1-2 ขีด โรสแมรี่แห้ง 1 หยิบมือใหญ่ สามารถลดและเพิ่มปริมาณได้ตามรสชาติที่ชอบ อบเชยให้รสหวาน กานพลูให้รสเผ็ด และโรสแมรี ถ้าใส่มากไปจะขม

3. ใส่เกลือ 2 ช้อนโต๊ะ ปิดฝา

4. ต้มจนน้ำออกเป็นสีน้ำตาล กานพลูบานออกและนิ่มลง จากนั้น ใส่สมุนไพรสดกำมือใหญ่ๆ ตามลงไป (ถ้าใช้โรสแมรี่สด ให้ใส่ตอนนี้แทน) ปิดฝา ปิดไฟ

5. ทิ้งส่วนผสมให้หายร้อน เปิดไฟอีกครั้ง พอเดือดให้ปิดฝาไว้ ทำซ้ำจนกว่าจะได้ความข้นที่พอใจ (อาจารย์นุ่นทำซ้ำ 4 รอบ เพื่อไม่ต้องเปิดไฟอุ่นตลอดเวลา เปลืองพลังงานโดยใช่เหตุ อีกทั้งยังไม่ต้องคอยเฝ้าหน้าเตา ไปทำงานบ้านอย่างอื่นเพื่อประหยัดเวลาได้อีกด้วย)

6. รอบสุดท้าย ทิ้งให้น้ำยาอุ่นๆ อุณหภูมิสัก 40 องศาเซลเซียส (ร้อนพอทนได้) กรอกบรรจุขวดที่ผ่านการฆ่าเชื้อด้วยการลวกน้ำร้อนหรือนึ่งแล้ว หยดน้ำมันหอมระเหยกลิ่นสเปียร์มินท์ 1 หยด ปิดฝา เขย่าให้ทั่วขวดเป็นการฆ่าเชื้อไปด้วยในตัว

ไม่ใช้วัตถุกันเสีย จึงต้องหมั่นสังเกต

ถ้าเราทำหม้อใหญ่ สามารถบรรจุและเก็บได้นาน 1 ปีในตู้เย็น ส่วนแบบบรรจุขวดใช้ในอุณหภูมิห้อง ขนาดราวๆ 200 มิลลิลิตร อยู่นอกตู้เย็นได้ 1 เดือน โดยเมื่อเริ่มหมดอายุ น้ำยาบ้วนปากจะขุ่นขึ้น ติดเปรี้ยว มีรสแปร่งๆ เพราะจุลินทรีย์เริ่มทำงาน แต่ไม่ถึงกับเสียทันที แค่อาจจะต้องรีบใช้ให้หมดเร็วขึ้น

ข้อมูลจาก Greenery Workshop ครั้งที่ 24 น้ำยาบ้วนปากสมุนไพร โดย นักเคมีหัวใจสีเขียว ในวันที่ 26 สิงหาคม 2561 ณ บริเวณเวทีกลาง ตลาดบองมาเช่

ข้อมูลย้อนหลัง คลิก

ภาพถ่าย: เอกพล ภารุณ