“ส่วนผสมของความสุข อาหารหล่อเลี้ยงชีวิต ความสุขหล่อเลี้ยงจิตใจ เราต่างปรุงชีวิตให้มีสุข สร้างสรรค์ผลงานผ่านการตีความ Ingredients of happiness ในแง่มุมต่างๆ”

​เมื่อความสุขเป็นเรื่องนามธรรมที่เราทุกคนสัมผัสได้ รับรู้ร่วมกัน และพยายามไขว่คว้า แล้วทำไมเราไม่ทำความรู้จักมันให้ดีขึ้นอีกหน่อย? คือคำถามสามัญที่แฝงอยู่ในประโยคข้างต้น ซึ่งทำให้ 4 ศิลปินสายงานปั้น ใหม่-ธนิตา โยธาวงศ์, อาร์ท-ธาตรี เมืองแก้ว, มิก-ณัฐพล วรรณาภรณ์ และ บุบ-ชาญชัย บริบูรณ์ ร่วมกันจัดนิทรรศการแสดงผลงานศิลปะ ‘Ingredient of Happiness’ ขึ้นเพื่อบอกเล่ารายละเอียดของความสุขในมิติต่างๆ ผ่านงานเซรามิกความหมายลึกซึ้งซึ่งเรียงรายอยู่ภายในงาน

แน่นอนว่า ‘อาหาร’ คือชิ้นส่วนสำคัญของความสุขที่เหล่าศิลปินหยิบมาพูดถึง และทำให้เราสนใจนิทรรศการนี้เป็นพิเศษ

​รับส่งความสุข

​ชิ้นงานเซรามิกสีขาวสะอ้าน รูปทรงสองมือประคองอวัยวะรับสัมผัสทั้งตา หู จมูก ปาก ฝีมือการสร้างสรรค์ของ มิก-ณัฐพล วรรณาภรณ์ ผู้ตั้งชื่อชิ้นงานนี้ว่า ‘Give and Take’ ด้วยอยากบอกเล่าถึงความสุขที่เกิดจากทั้งการให้และรับ ผ่านประสาทสัมผัสต่างๆ เหมือนอย่างคำบรรยายใต้ชิ้นงานสั้นกระชับที่กำกับไว้ว่า ‘ฟังด้วยหู ดูด้วยตา ชิมด้วยลิ้น กลิ่นจมูก สุขที่ใจ’

​เราจะเปลี่ยนสิ่งมากระทบประสาทสัมผัสให้เป็นสิ่งดีงามหรือเลวร้ายก็ล้วนขึ้นอยู่กับใจ เหมือนสองมือที่รับเอาอวัยวะรับสัมผัสมาถือไว้ ก็อยู่ที่เราจะแปลความหมายมันว่าอะไร จะรับไว้หรือส่งต่อให้ใครก็เป็นเรื่องของใจล้วนๆ หากเทียบกับ ‘อาหาร’ ก็เท่ากับความอร่อยของแต่ละจานที่ขึ้นอยู่กับรสนิยมและการตีความผ่านประสบการณ์ของแต่ละคน ไม่มีถูกผิด

สมดุลดีชีวีก็มีสุข  

​ส่วนผลงานที่เราชอบเป็นพิเศษ คือ ‘Message From The Universe’ ของ อาร์ท-ธาตรี เมืองแก้ว ผู้เลือกเล่นกับความสมดุลของชีวิต ผ่านงานปั้นแบบไทยๆ เช่นโอ่งดินเผาลวดลายเก๋ที่วางเรียงแถวอย่างสมมาตรอยู่กลางห้อง และมีโอ่งบางใบใส่น้ำจนปริ่ม เพื่อสื่อสารถึงความสำคัญของ ‘น้ำ’ ในวิถีชีวิตของมนุษย์ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน

​น้ำจากธรรมชาติ อันเป็นส่วนประกอบของจักรวาลที่มนุษย์ใช้ดื่มกินมานับล้านปี ใกล้ตัวหน่อยก็เช่นวัฒนธรรมการกินอยู่บ้านเราที่มีน้ำเป็นสัดส่วนสำคัญ เหมือนคำชวนติดปาก “กินน้ำกินท่ากันก่อน” ของคนสมัยโบราณ หรือการวาง ‘ตุ่มน้ำเย็น’ พร้อมกระบวยไว้หน้าบ้านชานเรือนเผื่อคนผ่านทางได้ตักดื่มให้ชื่นใจ อันเป็นที่มาของคำว่าน้ำจิตน้ำใจที่เราใช้พูดกันติดปากกันทุกวันนี้

ผัสสะสอดประสานสร้างสุข

​งานต่อมาเป็นของ บุบ-ชาญชัย บริบูรณ์ ศิลปินผู้เลือกรูปทรงเลขาคณิตมาปั้นเป็นเซรามิกสีขาวดำเข้มขรึม มาในคอนเซปต์ว่าความสุขจะเกิดเมื่อทุกประสาทสัมผัสสอดประสานกันพอดี ทั้งเห็น ได้ยิน ลิ้มรส การสัมผัสและได้กลิ่น โดยชิ้นงานเซรามิกคอนเซปต์นี้มีด้วยกันทั้งหมด 4 ชุด แต่ละชุดนำเสนอส่วนผสมของความสุขในหลากหลายมิติ แต่ที่ต้องตาเรามากสุดคือชุด ‘Happiness’ ซึ่งศิลปินนำเซรามิกหลากชิ้นมาจัดวางในแนวระนาบ หากมองอย่างละเอียดจะพบว่าแต่ละชิ้นมีเอกลักษณ์แสดงถึงประสาทสัมผัสต่างๆ ที่เมื่อมาวางประกอบกันแล้วให้ความรู้สึกสมดุล เต็มอิ่ม เหมือนการทานอาหารที่จะเต็มรสได้ก็ด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5 ไม่ว่าจะรูปสวย รวยรส กลิ่นดี หรือกระทั่งเสียงเคาะกระทะหรือซดน้ำซุปก็อาจทำให้มื้อนั้นมีสุขขึ้นหลายเท่า

ความสุขเกิดจากสิ่งเล็กๆ ง่ายๆ

ผลงานสุดท้ายเป็นของ ใหม่-ธนิตา โยธาวงศ์ ศิลปินหญิงคนเดียวที่มาพร้อมชิ้นงานเซรามิกคอนเซปต์น่ารัก ‘The best therapist has fur and four legs’ ด้วยการเล่าถึงความสัมพันธ์ระหว่างหญิงสาวกับแมวขนฟู ที่เปรียบเหมือนโอเอซิสสร้างสุขเล็กๆ ง่ายๆ ให้กับเธอในแต่ละวัน ผ่านลวดลายบนเซรามิกโอนสีอุ่นที่เป็นทั้งจานชาม และยังแปลงร่างกลายเป็นของประดับบนข้างฝาได้อย่างน่ารักน่าชังจนเราอดใจไม่ไหวต้องหยุดยืนมองอยู่นาน

​ใครสนใจอยากสัมผัสกับมิติของความสุขในโลกศิลปะ หรืออยากดื่มด่ำไปกับความหมายเบื้องหลังชิ้นงานที่พาให้เราหวนคิดถึงวิถีชีวิตและการอยู่การกินอย่างละเมียดละไม สามารถเข้าเยี่ยมชมนิทรรศการ Ingredients of happiness กันได้ถึงวันที่ 28 สิงหาคมนี้ ณ ชั้น 2 ของร้าน Broccoli Revolution (ปากซอยสุขุมวิท 49) ตั้งแต่เวลา 11 โมงเช้ายาวไปถึง 1 ทุ่มเลย 🙂