ในบรรดาหนังที่เกี่ยวข้องกับอาหารญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในชนชาติที่เล่าเรื่องเหล่านี้ได้อย่างงดงามละมุนละไม หลายเรื่องอบอุ่น สร้างแรงบันดาลใจ และก่อให้เกิดความหวังเสมอ  greenery จึงอยากชวนคนอ่านมาสัมผัสความรู้สึกดีๆ ผ่านเรื่องเล่าในภาพยนตร์เกี่ยวกับอาหารญี่ปุ่น 6 เรื่อง 6 รสที่เราคัดสรรมาให้ท้องกิ่วไปตามๆ กัน

What’s for Dinner, Mom? (2017)
ผู้กำกับ: Mitsuhito Shiraha


หนังชนโรงที่สร้างจากเรื่องจริงของสองพี่น้องที่เติบโตมาในสองวัฒนธรรมระหว่างญี่ปุ่นและไต้หวัน เราจึงได้เห็นบรรยากาศตลาดสดสไตล์จีน หม้อตุ๋นคากิ ใบไผ่ห่อบะจ่าง และขนมผักกาดร้อนฉ่าแทนเทมปุระ ซูชิ หรือโซบะญี่ปุ่นจ๋า แต่นอกเหนือจากความแปลกตาที่ชวนหิว หนังเรื่องนี้ยังบอกเล่าความผูกพันของแม่และลูกผ่านบะจ่างแช่แข็ง ถาดอาหารที่วางทิ้งไว้หน้าห้องพ่อผู้เก็บตัว ข้าวกล่องมื้อกลางวันที่แตกต่างไปจากเพื่อนร่วมชั้นม.ปลาย ไปจนถึงความสัมพันธ์ระหว่างแม่ม่ายชีวิตหนักหนากับพ่อค้าร้านเขียงหมูที่แลกเปลี่ยนมิตรภาพกันด้วยการหาคากิมาให้ ฯลฯ ในทุกมื้อจึงเต็มไปด้วยความรักและความทรงจำที่ครบรสทั้งเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม และขม จนปลุกให้หญิงสาวเจ้าของเรื่องออกตามหาความทรงจำที่ร่วงหล่นในระหว่างทาง และลงมือปรุงอาหารตามบันทึกของผู้เป็นแม่ หญิงสาวที่อยู่หน้าเตาเสมอในความทรงจำ

Hana’s Miso Soup (2016)
ผู้กำกับ: Tomoaki Akune

 


เราจะทำอย่างไรหากรู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน?  นี่คือเรื่องราวสะเทือนอารมณ์ชวนขอบตารื้นที่สร้างจากชีวิตจริงของ จิเอะ ยาสุทาเกะ สาวน้อยที่ใฝ่ฝันอยากเป็นนักร้องเพลงประสานเสียง แต่ก้อนเนื้อที่พบในเต้านมนั้นได้เปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล อย่างไรก็ตาม ในความโชคร้ายมีโชคดีแฝงตัวอยู่ เธอได้พบคนรักที่ดีที่รักเธออย่างแท้จริงและตัดสินใจสร้างครอบครัวด้วยกัน แม้ในภาวะที่สิ้นหวังอย่างที่สุดแต่คนเราต้องมีความหวังในชีวิตเสมอ ในที่สุดของขวัญจากฟ้าก็มาถึง ฮานะจังลูกสาวตัวน้อยได้ถือกำเนิดขึ้น เด็กน้อยผู้เป็นพลังชีวิตและพลังใจทั้งหมดที่มีสำหรับชีวิตที่เหลืออยู่ ด้วยตระหนักดีว่าวันหนึ่งเธอจะต้องจากไป สิ่งที่ดีที่สุดที่แม่คนหนึ่งจะมอบให้ลูกได้ก็คือ ‘การมีชีวิตที่ดีต่อไป’ และพลังเยียวยาชีวิตที่ดีที่สุดที่ธรรมชาติมอบให้แก่มวลมนุษย์ก็คืออาหารนั่นเอง  มิโสะซุปที่แม่ทำและพยายามสอนให้ลูกสาววัย 4 ขวบให้ทำได้ด้วยตัวเอง จึงมิเป็นเพียงอาหารที่หล่อเลี้ยงร่างกาย หากยังหล่อเลี้ยงไปถึงหัวใจ เป็นสายใยบางๆ ที่แม่ผูกพันไว้และมั่นใจได้เสมอว่า แม้วันใดที่แม่ไม่อยู่แล้ว แต่รักของแม่จะอยู่ในกายของลูกเสมอ…ไม่จากไปไหน

Sweet Bean (2015)
ผู้กำกับ: Naomi Kawase


เรื่องเล่าของคนทำขนมหวานที่ชีวิตไม่หวานอย่างที่เห็น เมื่อชายคนหนึ่งเปิดร้านขายโดรายากิไส้ถั่วแดงมาได้สักพักแต่ก็เพียงขายได้เรื่อยๆ เท่านั้น จนกระทั่งวันหนึ่งมีหญิงชราลึกลับปรากฏตัวและขอร้องให้เขาลองชิมไส้ถั่วแดงที่เธอทำ แม้จะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่เมื่อได้ลองชิมดูแล้ว เขาพบว่านี่คือความอร่อยแท้จริงที่โดรายากิควรจะเป็น ทั้งสองจึงได้ร่วมเป็นส่วนเติมเต็มในชีวิตของกันและกันนับจากนั้น  ในระหว่างที่หนังฉายภาพขั้นตอนการทำไส้ถั่วแดง เราจะได้เห็นความประณีตใส่ใจในการทำอาหารทุกขั้นทุกตอน เป็นยืนยันกับเราว่าผู้ปรุงอาหารที่มีความสุขเท่านั้นที่จะสร้างสรรค์อาหารอร่อยให้เข้าไปอยู่ในหัวใจของผู้กิน แต่บางครั้งชีวิตของคนทำขนมหวานก็ต้องพบกับความขมขื่น ท้าทายให้คนดูร่วมรู้สึกไปด้วยกันว่าเราจะฝ่าฝันสิ่งนั้นไปได้อย่างไร  หากเรามองสิ่งต่างๆ รอบตัวด้วยสายตาแบบใหม่เราย่อมมองเห็นความงามอยู่ในนั้นเสมอ และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ด้วยความตั้งมั่นในสิ่งที่เชื่อ ความรักในสิ่งที่ทำ และความหวังที่เต็มปรี่หัวใจ ย่อมทำให้เราพบแสงสว่างในชีวิตได้เสมอ ไม่ว่าชีวิตจะล้มอีกกี่ครั้งก็ตาม

Little Forest: summer/autumn (2014)  winter/spring (2015)
ผู้กำกับ: Junichi Mori


 

Little Forest เป็นเรื่องราวของผู้หญิงที่ตัดสินใจออกจากเมืองใหญ่กลับมาสู่บ้านที่ชนบทโดยเล่าเรื่องผ่านฤดูกาลทั้ง 4 คือ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง ฤดูหนาว และฤดูใบไม้ผลิ ให้ผู้ชมดื่มด่ำกับภาพสวยๆ งดงามตามวิถีชีวิตเรียบง่ายของชาวชนบทชวนให้เคลิ้มฝันถึงชีวิตช้าๆ ที่น่าฝันใฝ่ และทำให้เราสัมผัสได้ถึงความโอชะของอาหารแบบบ้านๆ ปรุงแต่งน้อยๆ แต่อร่อยจับใจ อย่างขนมปังกับแยมโฮมเมด เกาลัดเชื่อม ปลาย่าง โมจินัตโตะ ซอสมะเขือเทศที่ปลูกเอง ดูแล้วพานให้ท้องร้องตลอดทั้งเรื่อง แม้จะดูเหมือนเป็นชีวิตเปี่ยมสุขแต่หนังชวนเราตั้งคำถามทั้งกับเราและอิชิโกะว่า อะไรคือแก่นแท้ของความสุขกันแน่ เหมือนที่เพื่อนรักเธอถามว่า “ทั้งที่กลับมาอยู่บ้าน แต่ทำไมถึงดูเหมือนหนีอะไรอยู่ตลอดเวลา” เป็นคำถามสั้นๆ ที่ทรงพลังยิ่ง เพราะบ่อยครั้งคนเราเลือกที่จะกลบเกลื่อนความทุกข์ของตัวเองไว้ภายใน เราหลบตามันเพียงเพื่อจะไม่ต้องมีเวลานึกถึงให้ปวดใจ  แต่การฝังบางอย่างเอาไว้ มันทำให้สิ่งนั้นหายไปจริงหรอกหรือ บางทีการใคร่ครวญและยอมเผชิญหน้ากับทุกข์ในใจต่างหากที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงในชีวิตได้อย่างแท้จริง

Jiro Dreams of Sushi (2011)
ผู้กำกับ: David Gelb


นี่คือสารคดีอาหารญี่ปุ่นที่เล่าผ่านมุมมองชาวต่างชาติที่งดงามอย่างยิ่งเรื่องหนึ่ง เมื่อ Jiro Dreams of Sushi เชื้อเชิญให้ผู้ชมได้เข้าไปร่วมเดินทางและเรียนรู้ว่า กว่าจะมาเป็นซูชิแสนอร่อยแต่ละคำนั้นเป็นอย่างไร  ทั้งที่ซูชิดูเป็นอาหารง่ายๆไม่ซับซ้อน แต่เบื้องหลังความเรียบง่ายที่ว่านั้นเปี่ยมไปด้วยความเอาใจใจใส่และประณีตพิถีพิถันอย่างยิ่งยวดเพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีและน่าประทับใจที่สุดสำหรับลูกค้า เพราะสำหรับจิโระ โอโนะ เจ้าของร้าน Sukiyabashi Jiro ร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์แล้ว คำว่า ‘ดีที่สุด’ ไม่สามารถประนีประนอมได้ ในความกดดันของทุกคนเพื่อให้ได้งานที่สมบูรณ์แบบที่สุดนั้น เราได้เรียนรู้ว่าผู้ที่ให้เกียรติต่องานของตนเท่านั้น ที่จะได้รับเกียรติจากผู้อื่น  ภายใต้คราบน้ำตา ความเครียด และการทำงานหนัก มีความภูมิใจซ่อนอยู่ในนั้นเสมอ เพราะเมื่อวันหนึ่งที่เราได้ข้ามผ่านข้อจำกัดทั้งมวลของตัวเอง เราก็ย่อมขยับเข้าใกล้ ‘ความเป็นมืออาชีพ’ แล้วอีกขั้นหนึ่งของชีวิต

Kamome Diner (2006)
ผู้กำกับ: Naoko  Ogigami

เรื่องเล่าของสาวญี่ปุ่นในดินแดนฟินแลนด์ที่มีดูเหมือนกับมีความร่วมกันในเรื่องวิถีของความเรียบง่ายและปลาแซลมอน  แต่ครั้นเมื่อเธอคิดจะเปิดร้านอาหารในบ้านเมืองที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง ทุกอย่างจะง่ายอย่างที่คิดไหม Kamome Dining หรือ Seagull’s Restaurant ไม่เป็นเพียงหนังที่เล่าเรื่องวิถีญี่ปุ่นผ่านอาหารเท่านั้น หากยังนำเสนอผ่านวิถีชีวิตตัวละครในเรื่องด้วย เช่น ศิลปะป้องกันตัวแบบไอคิโด การโค้งเพื่อเคารพและให้เกียรติผู้อื่น วิธีคิด วิธีการใช้ชีวิตต่างๆ ของคนญี่ปุ่นแม้ว่าจะอยู่ต่างบ้านต่างเมืองก็ตาม หนังใช้ร้านอาหารแห่งนี้เป็นจุดศูนย์กลางในการเชื่อมโยงผู้คนที่แตกต่างหลากหลายเข้าด้วยกัน แม้ต่างฝ่ายจะมีความคิดความต้องการที่ไม่เหมือนกันเลยก็ตาม แต่ท้ายที่สุดแล้วมนุษย์ทุกคนล้วนต้องการ ‘พื้นที่ของความสุข’ ด้วยกันทั้งนั้น เป็นพื้นที่ที่ผู้คนได้สื่อสารและแบ่งปันต่อกันได้ผ่านอาหาร หนังชวนให้ผู้คนจดจำความเป็นญี่ปุ่นในแง่มุมที่อบอุ่นหัวใจในอารมณ์ที่ว่า “ฉันจะอยู่ตรงนี้เพื่อเธอเสมอ” เพราะเมื่อมีพื้นที่ ย่อมมีมิตรภาพ และเมื่อมีมิตรภาพก็ย่อมเกิดความสุข บางทีชีวิตของคนเราก็ต้องการสิ่งเล็กๆเพียงเท่านี้เอง..มิใช่หรือ