อุณหภูมิความน่าตื่นตาตื่นใจเรื่องโกโก้แห่งเมืองเชียงใหม่ชักจะเริ่มคึกคัก เมื่อคนรุ่นใหม่เริ่มหันมาสร้างสรรค์โกโก้กันมากขึ้น ไม่ต่างอะไรจากเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ

โกโก้เป็นชื่อที่ดูไม่คุ้นสำหรับหลายคนและอาจฟังดูสับสนกับคำว่าช็อคโกแลต อันที่จริง โกโก้ (cocoa) เป็นพืชในแถบทวีปอเมริกากลาง ผลโกโก้เมื่อสุกจะมีสีเหลือง (แล้วแต่สายพันธุ์) ภายในบรรจุเมล็ดโกโก้เป็นปุยสีขาวเหมือนกระท้อนปุยฝ้าย เมื่อนำไปผ่านกระบวนการหมักและตากแห้งจะได้เมล็ดโกโก้แบบเต็มเมล็ด จากนั้นนำไปคั่ว กะเทาะเปลือก แล้วจึงนำไปปั่นจนเนียนเพื่อให้เนื้อและน้ำมันโกโก้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว ได้เป็น โกโก้แมส (cocoa mass) หรือช็อคโกแลตที่แข็ง หนา เหมาะใช้ทำเบเกอรี่

โกโก้แบบนี้แหละที่คนบ้านเราส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้จัก เพราะผงโกโก้ที่พวกเรากินส่วนใหญ่นั้น เกิดจากขั้นตอนในระบบอุตสาหกรรมซึ่งแทนที่จะปั่นเนื้อและน้ำมันโกโก้เข้าด้วยกัน ผู้ผลิตจะแยกน้ำมันโกโก้ออกมาเป็น โกโก้บัตเตอร์  (cocoa butter) ขายต่างหากเพื่อใช้เป็นส่วนผสมเครื่องสำอาง ส่วน กากโกโก้ ที่เหลือค่อยเอามาปรุงแต่งสีและรสกลายเป็นผงโกโก้สำหรับชงดื่ม (ซึ่งแทบจะไม่มีความเป็นโกโก้เหลืออีกแล้ว) หรือนำไปผ่านกระบวนการปรุงแต่งจนกลายเป็นช็อคโกแลตแท่งหวานมันที่ไม่มีโกโก้บัตเตอร์เหลืออยู่เลย

และอีกความน่าสนใจคือโกโก้เป็นพืชที่ไม่จำเป็นต้องใช้เคมีก็เติบโตให้ผลผลิตได้ดีอยู่แล้ว สามารถปลูกเป็นพืชออร์แกนิกได้สบาย

การเพิ่มขึ้นของสวนโกโก้ไทยจึงเป็นการเพิ่มพื้นที่เกษตรอินทรีย์ไปพร้อมๆ กับการเพิ่มทางเลือกของอาหารปลอดภัยในอีกทางหนึ่งด้วย

พิมพ์ชนก ดวงศรี สถาปนิกสาวชาวเชียงใหม่ เป็นคนหนึ่งที่ตกหลุมรักการดื่มเครื่องดื่มโกโก้มาตั้งแต่เด็ก เธอหลงใหลในกลิ่นและรสชาติอันลึกลับชวนค้นหา ทั้งเฝ้าเพียรตามหาโกโก้อร่อยในดวงใจแก้วแล้วแก้วเล่ามานานกว่า 14 ปี มีโอกาสได้ชิมโกโก้จากหลากหลายแห่ง และลองกลับมาปรุงโกโก้ในแบบของตัวเองอยู่เนิ่นนาน จนในที่สุดเธอคิดว่าถึงเวลาแล้วที่โกโก้ควรจะมีพื้นที่เฉิดฉายของตัวเองเสียที เธอจึงสร้างสวรรค์น้อยๆ ของคนรักโกโก้ตัวจริงขึ้นมาผ่านพื้นที่ขนาดเล็กกำลังน่ารักที่ชื่อว่า KHOM Chocolate House

แม้ว่าเชียงใหม่จะมีคาเฟ่มากมายแต่ส่วนใหญ่ก็มักมีกาแฟเป็นเครื่องดื่มหลัก มีเมนูโกโก้เป็นแค่ตัวเลือกเสริม และแม้ที่ผ่านมาจะมีร้านช็อคโกแลตเกิดขึ้นอยู่บ้าง หากเน้นการสร้างสรรค์ไปทางขนมหวานช็อคโกแลตเสียมากกว่า จึงอาจเรียกได้ว่า KHOM Chocolate House เป็นโกโก้คาเฟ่แห่งแรกในเชียงใหม่จริงๆ คือเป็นร้านที่เน้นเสิร์ฟเครื่องดื่มจากโกโก้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น

คำว่า ‘ขม’ ที่เป็นชื่อร้าน เกิดจากรสชาติแท้ๆ ของโกโก้ซึ่งค่อนไปทางขมมากกว่า และพิมพ์ชนกอยากค่อยๆ สื่อสารกับลูกค้าให้รู้จักโกโก้ออร์แกนิกอย่างถ่องแท้มากขึ้น

ในร้านมีเครื่องดื่มเอาใจลูกค้าทุกแบบ ทั้งโกโก้เลิฟเวอร์ตัวจริงและมือใหม่หัดดื่ม เครื่องดื่มกลุ่ม single origin chocolate เหมาะสำหรับคนรักโกโก้แท้ๆ ใช้เมล็ดโกโก้จากแหล่งปลูกที่เดียว ทำให้ได้กลิ่น รส สัมผัสที่แตกต่างเป็นเอกลักษณ์ตามแหล่งปลูก

ในช่วงนี้ KHOM Chocolate House ใช้เมล็ดโกโก้ออร์แกนิกจากเชียงใหม่และนครศรีธรรมราชเป็นหลักซึ่งมีรสชาติต่างกัน เชียงใหม่จะให้รสละมุน หอมมันกว่า ส่วนนครศรีธรรมราชจะมีบอดี้หนัก เข้มข้น ขณะเดียวกันก็สัมผัสได้ถึงรสชาติเบอร์รี่จางๆ และในอนาคตอาจเพิ่มโกโก้จากแหล่งอื่นๆ มาด้วย เช่น ชุมพร จันทบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ฯลฯ เมนูกลุ่ม single origin ลูกค้าสามารถเลือกทั้งเครื่องดื่มแบบโกโก้ร้อน เย็น หรือเข้มๆ หนืดๆ แบบ rich & thick ก็ได้

ฉันเลือกดื่มโกโก้เย็นจากนครศรีธรรมราชที่เสิร์ฟมาในชามเซรามิกปั้นมือคล้ายชามในพิธีชงชาญี่ปุ่น เนื้อบางเฉียบของชามทำให้สัมผัสความเย็นชื่นใจที่ไม่ต้องพึ่งพาน้ำแข็ง รู้สึกถึงความเข้มข้น หนักหน่วง ขณะเดียวกันก็อมเปรี้ยวบางๆ เป็นรสสัมผัสที่ให้ความรู้สึกดีมาก ความน่ารักอีกประการหนึ่งในการเสิร์ฟเครื่องดื่มคือ พิมพ์ชนกจะเขียนชื่อลูกค้าลงไปบนป้ายเล็กๆ ก่อนนำเครื่องดื่มมาวางให้ลูกค้าแต่ละคน ด้านหลังระบุชื่อเครื่องดื่มที่สั่งและแคลอรี่ที่ได้รับจากแก้วนั้นๆ เป็นความใส่ใจเล็กๆ น้อยๆ ที่สื่อสารความตั้งใจของเธอ

ทุกอย่างที่เธอส่งมอบนั้นเป็นความสุขและความรักในการปรุงอย่างแท้จริง

สำหรับคนที่ยังไม่คุ้นหรือยังไม่กล้าลองโกโก้แท้ๆ แนะนำให้เลือกเมนู selected chocolate เลือกได้ว่าต้องการความเข้มข้นแบบไหน ตั้งแต่ dark/ milk/ white chocolate เมนูที่ลูกค้ามือใหม่มักจะสั่งมาทดลองก่อนเลือกเมนูเครื่องดื่มที่ชอบคือ 3 shots ที่จะเสิร์ฟช็อคโกแลตทั้งสามชนิดในแก้วเล็กๆ มีช้อนให้ตักชิม หากอยากสั่งเครื่องดื่มก็เลือกได้ว่าต้องการชนิดไหน อยากได้ร้อนหรือเย็น

นอกจากนี้ยังมีเมนูโกโก้อีกหลากหลายที่พิมพ์ชนกสร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อให้เป็น Cocoa in everyday อาทิ โกโก้เย็นผสมนม โดยความเข้มข้นขึ้นอยู่กับชนิดช็อคโกแลตที่เลือก ฉันลอง Black Marquina เป็นโกโก้เย็นผสมนมที่รสชาติเข้มข้นมาก สีสันดำขาวที่ตัดกันในแก้วเนื้อบางเย็นฉ่ำเหมือนกับได้ดื่มด่ำงานศิลปะอันสวยงาม เครื่องดื่มประเภทสุดท้ายคือ Mystery taste เป็นเครื่องดื่มโกโก้แต่งปรุงร่วมกับรสชาติอื่นๆ เหมาะสำหรับมือใหม่ที่อยากลองรสชาติโกโก้ที่แบบที่เข้าถึงได้ไม่ยาก อาทิ Green Mint, Tropical Orange, Strawberry Delight, Blueberry Chocolate และมีบางเมนูที่ดูน่าค้นหาอย่างเช่น Salted Caramel ที่เสิร์ฟโกโก้กับคาราเมลและเกลือหิมาลัย หรือ Mexican Hot Spicy ที่เสิร์ฟโกโก้กับเครื่องเทศ เป็นต้น

ฉันเลือกทดลอง Coconut Paradise เป็นการปิดท้าย รสชาติโกโก้เข้มข้นแบบกลางๆ ผสมผสานกับน้ำมะพร้าวได้อย่างลงตัว มีเนื้อมะพร้าวอ่อนปนอยู่ด้วย เป็นอีกหนึ่งอรรถรสที่ให้ประสบการณ์ตื่นตาตื่นใจดีมาก ชาวต่างชาติสองคนแวะเข้ามาสั่งเมนูนี้เช่นเดียวกัน พออึกแรกที่ได้ดื่ม ชายผมสีทองถึงกับต้องอุทานออกมาว่า “Wow..it’s a great medicine.” ทำเอาพิมพ์ชนกปลื้มจนยิ้มไม่หุบ

“ถ้าเปรียบไปแล้วโกโก้ก็เหมือนผู้หญิงนะคะ บางวันขม บางวันหวาน เป็นไปได้หลายแบบ เราเองอยากสร้างทางเลือกใหม่ๆ ขึ้นมาสำหรับคนที่ไม่ดื่มกาแฟ เพราะตัวเองก็ไม่ดื่มกาแฟ และอยากให้คนเห็นว่าโกโก้ก็ทำอะไรได้หลายอย่าง ในอนาคตคงพัฒนาเมนูมากขึ้นเรื่อยๆ อาจทดลองเบลนด์กับผลไม้เขตร้อนบางอย่างดู ให้คนได้รู้ว่าโกโก้ไทยก็อร่อยไม่แพ้ใครเหมือนกัน”

สาวน้อยคนนี้มองว่าโกโก้ยังเป็นเรื่องใหม่สำหรับคนไทยอยู่มาก หากก็เริ่มมีความเข้าใจมากขึ้น มีลูกค้าใหม่ๆ กล้าลอง single origin มากขึ้น ซึ่งจะเป็นอีกแรงหนึ่งที่ช่วยยกระดับผู้บริโภคโกโก้ ผลักดันโกโก้ไทยให้ก้าวไปข้างหน้าได้งดงาม ความหลงใหลในโกโก้ทำให้พิมพ์ชนกฝันไปไกล เธอหวังว่าหากธุรกิจเติบโตได้ดี เธออาจทำให้นี้ KHOM Chocolate House เป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องโกโก้แบบครบวงจรได้ในสักวัน

KHOM Chocolate House ตั้งอยู่ในซอยสิงหราช 3 (ข้างวัดดับภัย) อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ (เป็นซอยแคบเดินรถทางเดียว แนะนำให้จอดรถแล้วเดินเข้าไป) เปิดบริการทุกวันยกเว้นวันพุธ เวลา 10.30–18.00 น.
FB: khom.chocolatehouse

ภาพถ่าย: วิรตี ทะพิงค์แก