กระแส Plant-based ในต่างประเทศดูจะคึกคักและได้รับความนิยมสูงขึ้นทุกวัน มีผลสำรวจที่พบว่าในปีที่ผ่านมาพบว่าหนุ่มสาวอเมริกันหันมากินอาหาร Plant-based มากขึ้นถึง 20% และแน่นอนว่าหนึ่งในความน่าสนใจของการเติบโตในวงการ Plant-based ก็คือการค้นหาโปรตีนทางเลือกของคนไม่กินเนื้อ ที่ไม่ได้จำกัดอยู่กับวัตถุดิบเดิมๆ อย่างถั่วเหลือง เต้าหู้ เห็ดหรือคีนัว

พัฒนาการของโปรตีนทางเลือกที่สร้างความว้าวที่สุดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เห็นจะเป็นการพัฒนาวัตถุดิบฟาสต์ฟู้ดยอดนิยมอย่าง Plant-based Burger หรือเบอร์เกอร์จากโปรตีนพืชที่หลายๆ บริษัทสตาร์ทอัพด้านอาหารเคลมกันว่าเบอร์เกอร์ของตัวเองนั้นมีรูปร่าง หน้าตา รสสัมผัส รวมถึงคุณค่าทางโภชนาการไม่ต่างอะไรกับเนื้อปกติที่สามารถตอบโจทย์ทั้งคนกินเนื้อและไม่กินเนื้อได้อย่างแน่นอน


เมื่อเบอร์เกอร์ทำให้ Plant-based กลายเป็นของแมส

แม้จะเป็นวัตถุดิบทางเลือก แต่ในช่วงเวลาเพียง 3 ปีที่ผ่านมา Plant-based Burger ไม่ได้ถูกพูดถึงในกลุึ่มคนไม่กินเนื้อเท่านั้น แต่มันกลับกลายเป็นเทรนด์อาหารมาแรงที่แบรนด์เบอร์เกอร์เจ้าเล็กใหญ่กว่า 1,000 ร้านทั่วสหรัฐอเมริกาอเมริกาพากันเพิ่มในเมนูของพวกเขา

เช่นเดียวกันกับ Carl’s Jr. เบอร์เกอร์เจ้าดัง ที่ไม่เพียงแค่ขายเมนู Plant-based ในหลายๆ แฟรนไชน์ทั่วทั้งอเมริกา แต่ยังทำการโปรโมตอย่างจริงจังเพราะเชื่อว่านี้เป็นหนึ่งในวัตถุดิบที่จะได้รับความนิยมมากๆ ในปีนี้อย่างแน่นอน อย่างล่าสุดเขาก็สร้างเสียงฮือฮาด้วยการเปิดตัวโฆษณา Plant-based Beyond Burger ในงาน Super Bowl 2019 งานแข่งขันกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คนดูเยอะที่สุด ค่าโฆษณาแพงที่สุด ทรงอิทธิพลและแมสที่สุดของสหรัฐอเมริกา หลายคนมองว่าการที่ Carl’s Jr. ทำให้วิถีการกินอาหาร Plant-based นั้นกลายเป็นที่สนใจของผู้คนทั่วไป ไม่เพียงแค่คนไม่กินเนื้อเท่านั้น เป็นเหมือนกับสัญญาณที่สะท้อนว่ากระแส Plant-based ในอเมริกากำลังจะกลายเป็นเรื่องแมสจริงๆ


Plant-based วิถีกินดี ที่ต่างจาก Vegan

ก่อนจะไปพูดถึงความน่าสนใจของเทรนด์อาหารครั้งนี้ เราขออธิบายก่อนว่า Plant-based ต่างจาก Vegan อย่างไร แม้ว่าจะยังไม่มีคำจำกัดความที่ชัดเจนแต่ก็สามารถอธิบายได้คร่าวๆ ว่า Plant-based คือวิถีการกิน ในขณะที่ Vegan คือวิถีชีวิต หลักปรัชญาของวีแกนคือเชื่อว่าสัตว์เองก็มีสิทธิในตัวเขา วิถีชีวิตของชาววีแกนจึงปฏิเสธการบริโภคอาหารที่ทำมาจากส่วนประกอบทั้งทางตรงและทางอ้อมของสัตว์ รวมถึงการใช้เครื่องอุปโภคที่ได้มาจากสัตว์หรือมีการทดลองจากสัตว์ด้วย

ในขณะที่ Plant-based นั้นเป็นวิถีการกินที่เน้นกินผักผลไม้และผลผลิตมาจากธรรมชาติที่ผ่านการแปรรูปน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยปกติแล้วจะหลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์และผลผลิตจากสัตว์เช่นเดียวกับวีแกน (บางคนก็กินเนื้อแต่น้อยลง) แต่ยังสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากสัตว์หรือเกี่ยวข้องกับสัตว์ได้ ส่วน Vegan นั้นแม้จะไม่บริโภคทุกสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ แต่ก็ยังสามารถกินอาหารแปรรูปได้เช่นกัน

แน่นอนว่าการกิน Plant-based ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่สาเหตุที่ทำให้วิถีการกินนี้กลายเป็นเทรนด์และเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา เพราะไม่เพียงแค่ตอบโจทย์ผู้คนที่ต้องการกินอาหารดีๆ เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง plant-based ยังเป็นวิธีการกินที่ช่วยดูแลรักษาโลกได้เช่นกัน


วิถีกินที่ทั้งดีต่อคนและต่อโลก

“ชาวอเมริกากินเบอร์เกอร์กันเฉลี่ยมากถึง 3 มื้อต่อสัปดาห์ ถ้าพวกเขาเปลี่ยนจากกินเบอร์เกอร์ปกติมากิน Plant-based Burger เพียง 1 ครั้ง ในเวลาหนึ่งปีประเทศเราจะสามารถลดการใช้พลังงานได้มากเทียบเท่ากับการใช้รถ 12 ล้านคัน” ท่ามกลางกระแสรักษ์โลก งานวิจัยจาก Beyond Burger ที่บอกว่าตลอดกระบวนการผลิต Plant-based Burger ของพวกเขาจะปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่าอุตสาหกรรมปศุสัตว์ปกติมากถึง 90% ทำให้ Plant-based Burger กลายเป็นที่ฮือฮาในปีที่ผ่านมา เพราะมันแสดงจุดยืนของบริษัทว่าสิ่งที่เขาสร้างเป็นมากกว่าเทรนด์อาหาร แต่คือการนำเสนอทางเลือกที่ช่วยให้โลกน่าอยู่ขึ้น

นอกจากงานวิจัยจาก Beyond Burger แล้ว ยังมีผลการศึกษาจากกรีนพีซที่บอกไว้ว่าอุตสาหกรรมปศุสัตว์นั้นเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน ในทุกวันนี้อุตสาหกรรมปศุสัตว์ทั่วโลกมีส่วนทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจกราว 14% หรือเทียบเท่ากับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของภาคคมนาคมขนส่งทั้งภาค ไม่เพียงแค่นั้นยังมีข้อมูลของ UNFAO ยังบอกว่าเราใช้พื้นที่ถึง 1 ใน 4 ของโลกไปกับการเพาะปลูกพืชให้สัตว์ และแน่นอนว่าความต้องการของเนื้อสัตว์ที่เพิ่มมากขึ้นในทุกๆ ปี ส่งผลให้การขยายตัวของปศุสัตว์และพื้นที่สำหรับการเพาะปลูกพืชอาหารสัตว์ ซึ่งนี้เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการทำลายป่า ท้องทุ่งและทุ่งหญ้าสะวันนาในทั่วโลก

หนึ่งในแนวทางการแก้ไขปัญหานี้ที่คนทั่วโลกเห็นตรงกันคือต้องลดการบริโภคเนื้อสัตว์ หันมาบริโภคอาหารที่มีส่วนประกอบของพืชผักเป็นหลัก Mission ของเบอร์เกอร์ทางเลือกอย่าง Beyond Meat จึงไม่ใช่เพียงแค่เพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคได้กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ แต่อยากทำให้การกินส่งผลต่อดีต่อสิ่งแวดล้อมด้วย เหมือนที่ Ethan Brown ผู้ก่อตั้ง Beyond Meat บอกไว้ว่า “เราอยากทำให้ทุกคนได้กินสิ่งที่ตัวเองชอบ แต่ยังเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพและสร้างความยั่งยืนกับโลกได้ไปพร้อมๆ กัน”

ข้อมูลอ้างอิง
www.beyondmeat.com
www.impossiblefoods.com
www.forbes.com
www.organicauthority.com


เครดิตภาพ:
www.beyondmeat.com
www.impossiblefoods.com