หลายคนอาจจะคิดว่า การเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นเรื่องที่ยากที่สุด เพราะความตั้งใจดีต่างๆ ที่เราตั้งเป้าหมายเอาไว้ มักจะถูกความเคยชินเดิมๆ ทำลายลงไปเสมอ แต่เมื่อได้เห็น 3 ภารกิจใน Greenery Challenge ที่มีสมาชิกเกือบ 1,300 คน รวมตัวกันเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมประจำวันที่ช่วยลดการสร้างขยะให้โลก จาก #ขวดเดียวแก้วเดิม #คิดไม่ถุง #มาเป็นคู่ #ไม่หลอดเนาะ ทำให้เราเห็นอะไรหลายๆ อย่างที่เป็นสัญญาณที่ดีของการเปลี่ยนแปลง และน่าบันทึกไว้ เพราะมันเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่า เราสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ ถ้าตั้งใจจริง

1. เห็นความตั้งใจ

สมาชิกพันกว่าคนที่กด Join Group และรับคำท้ากับภารกิจ 21 วัน มีจำนวนไม่น้อยที่เล่นทุกวัน สม่ำเสมอ วันไหนลืมหรือไม่มีโอกาสก็มีทำชดเชยเองแบบไม่ต้องมีกติกา บางคนไม่ว่างมาโพสต์รูปแชร์ทุกวันก็รวบยอดส่งการบ้านเป็นล็อตๆ ด้วย ซึ่งความตั้งใจเต็มที่ขนาดนี้ ก็พลอยให้กำลังใจให้เพื่อนร่วมอุดมการณ์ ตั้งใจตามกันไปเป็นทอดๆ

2. เห็นรูปแบบของความพยายาม

สิ่งนี้เห็นได้ชัดเจนมากสำหรับมือใหม่หัดพก ที่บางวันก็อาจจะหลงลืมหรือเฟลไปบ้าง แต่เราก็เห็นหลายๆ คนก็แชร์วิธีแปะโน้ตไว้หน้าประตูห้อง พร้อมลิสต์ของที่ไม่ควรลืมพกก่อนออกไปซื้อของ ไม่ว่าจะเป็นถุงผ้า ขวดน้ำ กล่องใส่อาหาร ฯลฯ บางคนแพ็คทุกอย่างสแตนบายเอาไว้ท้ายรถ หรือบางคนก็จัดกระเป๋าเตรียมไว้ตอนกลางคืน เหมือนเด็กๆ จัดตารางสอน น่ารักดีเหมือนกัน

3. เห็นคนหัวอกเดียวกัน

ร้านกาแฟมีโปรซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง แต่ถือแก้วไปใบเดียวต้องทำยังไง พนักงานปักหลอดให้จนปฏิเสธไม่ทันเอาไงดี ร้านกาแฟถามเราว่าทานที่นี่แต่เสิร์ฟใส่แก้วพลาสติกอยู่ดีต้องทำใจยังไง ฯลฯ หลายๆ เงื่อนไข ข้อจำกัด และอุปสรรคที่มี เหล่าสมาชิกก็มาร่วมกันแชร์วิธีรับมืออย่างหลากหลายจากประสบการณ์ตรง ไม่ว่าจะวิธีชิงบอกไม่เอาหลอดจ้าให้ทันการ หรือความพยายามแปะโน้ตไว้ที่แก้วบอกแม่ค้าร้านกาแฟว่าไม่รับหลอด เราจึงถือโอกาสส่งสติกเกอร์กันน้ำล้างได้ ‘ไม่หลอดเนาะ’ แจกออกไปแปะต่ออีกทางหนึ่งด้วย

4. เห็นข้อมูลดีๆ

รวมกันเราอุ่นใจ เพราะสมาชิกแต่ละคนจะมีข้อมูลที่น่าสนใจมาแชร์กันอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกซื้อหลอดใช้ซ้ำให้เหมาะกับฟังก์ชั่น แชร์ข่าวสารดีๆ ที่สร้างแรงบันดาลใจให้ฮึกเหิมในวันวุ่นๆ ไปจนถึงการเห็นว่า ‘อย่างนี้ก็ได้นะ’ เช่น บางห้างสรรพสินค้าเราสามารถขอยืมถุงผ้ากลับบ้านได้ หรือเราสามารถเอาแก้วและหลอดของเราไปซื้อชานมไข่มุกได้นะ ไม่ต้องใช้แก้วพลาสติกซีลพร้อมหลอดพร้อมถุงรุ่มร่ามที่ทางร้านมี

5. เห็นไอเดียใหม่ๆ

เมื่อโจทย์คือการลดขยะครั้งเดียวทิ้ง นอกจากอุปกรณ์ผลิตออกมาเพื่อหน้าที่นี้โดยตรง เรายังเห็นการพยายามปรับเปลี่ยนสิ่งรอบตัวเพื่อตอบโจทย์การลดขยะ เช่น เอาขวดแยมมาแทนขวดใช้ซ้ำ ใช้กระป๋องนมในตำนานแช่น้ำเย็นเจี๊ยบแสนคลาสสิก หรือการแชร์ไอเดียดีๆ อย่างชวนให้เอาถุงผ้าเหลือใช้ไปทิ้งไว้ที่ออฟฟิศ เพื่อให้เพื่อนร่วมงานทดลองใช้และลดการรับถุงพลาสติกระหว่างวัน เป็นต้น

6. เห็นความเปลี่ยนแปลง

คงอยากที่จะคูณออกมาให้เห็นกันเป็นตัวเลขจะจะ แต่สมาชิกแต่ละคนคงพอจะรู้ว่าแค่ 3 เดือน เราลดจำนวนขยะที่เคยสร้างในชีวิตประจำวันไปได้ไม่น้อยเลย แต่ที่เห็นชัดเจนกว่าโดยไม่ต้องคำนวณ หลายๆ คนเห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวเอง เห็นวิธีมองขยะแบบใหม่ และเห็นว่าเราพร้อมที่จะเปลี่ยนทั้งที่เคยผัดวันประกันพรุ่ง

7. เห็นความงาม

เพราะไม่ใช่แค่ถ่ายรูปขวด รูปอุปกรณ์กันเปล่าๆ เรายังได้เห็นฉากหลังที่มีทั้งมุมสวยๆ ของกรุงเทพฯ บนตึกสูง มุมกว้างเวิ้งว้างบนภูเขา มุมน่ารักกับขวดใบจิ๋วพร้อมเหรียญรางวัลงานวิ่ง ที่นอกจากจะเห็นชัยชนะในการเข้าเส้นชัย เรายังเห็นความพยายามในการลดใช้แก้วที่กลายเป็นขยะอย่างรวดเร็วในงานวิ่งอีกด้วย

8. เห็นการต่อยอด

การเห็นเหล่าสมาชิกค่อยๆ เพิ่มขึ้น และรับแคมเปญนี้ไปทำต่อในโลกโซเชียลอื่นๆ เช่นทวิตเตอร์ หรือ อินสตาแกรม ล้วนเป็นความน่าดีใจ แต่ที่ดีใจมากกว่าคือร้านค้าเริ่มเห็นความพยายามของผู้บริโภคอย่างเราๆ และเริ่มเอาใจใส่ในการบริการมากขึ้น เช่น การลดราคาให้คนที่นำแก้วไปเอง การไม่ปักหลอดหรือใส่ถุงพลาสติกเสมอ แต่จะบริการให้ถ้าลูกค้าขอ หรือแม่ค้าที่จะใจดีเป็นพิเศษกับคนถือกล่อง ถือภาชนะไปใส่อาหารแทนถุงพลาสติก แม้จะเป็นสิ่งเล็กๆ แต่เห็นแล้วมันก็ชื่นใจว่าอย่างน้อย หลายๆ คนก็กำลังพยายามไปด้วยกัน

และนั่น คือเป้าหมายสำคัญของเรา เป้าหมายที่อยากให้ทุกฝ่ายมาร่วมมือกัน : )

อย่าลืมติดตามภารกิจท้าทายของเราต่อไปตลอดทั้งปีนี้ หรือใครอยากเริ่มต้นภารกิจดูบ้าง ก็ยังไม่สายเกินไปนะ รับคำท้าได้ที่ www.facebook.com/groups/GreeneryChallenge