ฉันเคยเป็น fruitarian ค่ะ ช่วงนั้นยาวนานถึง 9 เดือน และเป็นช่วงเวลาที่พิเศษในหลายๆ ด้านในชีวิตของฉันด้วยค่ะ ที่มาที่ไปของการเป็น fruitarian ของฉันนั้นเป็นเพราะมันเป็นวิธีล้างพิษทางธรรมชาติบำบัดอย่างหนึ่ง หลักการคือ กินอาหารที่ไม่ผ่านกระบวนการใดๆ ไม่ปรุงรสใดๆ ซึ่งมันก็คือ ผักสดและผลไม้สดนั่นแหละค่ะ ทั้งนี้เพื่อเปิดโอกาสให้ร่างกายได้เยียวยาตัวเอง การกินแบบนี้เป็นเงื่อนไขพิเศษด้านสุขภาพนะคะ คนทั่วไปจะล้างพิษแบบนี้บ้างก็ได้ แต่ไม่ควรยาวนานเท่านี้และควรที่จะต้องปรึกษาผู้มีความรู้ด้านนี้ค่ะ แต่ถ้าคุณปรึกษาแพทย์แผนปัจจุบันคุณคงโดนดุแน่นอน อันนี้ฉันต้องออกตัวไว้ก่อนเพราะเรื่องสุขภาพและการเยียวยาเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แม้แต่แนวเดียวกันแต่ต่างสายต่างสำนักก็มีรายละเอียดไม่เหมือนกัน บางอย่างดูขัดแย้งกันด้วยซ้ำ ดังนั้นใครใคร่ไปทางไหนก็ขอให้ศึกษาให้ดี และเรื่องสำคัญที่สุดคือไปในทางที่ตัวเองศรัทธาจะดีที่สุดค่ะ ส่วนฉันศรัทธาไปในทางธรรมชาติ ฉันก็เลือกเส้นทางนี้ล่ะค่ะ
ตอนนั้น ฉันไปเข้าคอร์สธรรมชาติบำบัด (Nature Cure) ของคุณหมอเจค็อบ วาทักกันเชรี ในขณะที่ตัวเองกำลังงุนงงกับชีวิตหลังจากผ่าตัดมะเร็งแล้ว ถึงแม้โรคจะรักษาหายแล้ว แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปกับชีวิต พอเข้าคอร์สนี้ ฉันได้เรียนรู้ว่าชีวิตมีทางเลือกมากมาย และได้รู้จักออร์แกนิกจากที่นี่จนทำให้อินจัด ออกมาหาความรู้ต่ออย่างบ้าคลั่ง ซึ่งทำให้ฉันกลายเป็นฉันทุกวันนี้ค่ะ
ในคอร์สนี้ ฉันถูกสั่งให้อดอาหารและกินแต่ผลไม้เป็นเวลา 6 เดือน ซึ่งนับว่านานมาก แต่ฉันก็คิดว่าเรื่องเล็กน้อยเมื่อเทียบกับการได้ทางเดินใหม่สำหรับชีวิต ยังไงก็ขอลองดูสักตั้ง ความโหยหาอาหารนั้นไม่สู้การอยากทำให้ชีวิตตัวเองดีขึ้น เพราะตอนที่นอนพักรักษาตัว 1 เดือนหลังผ่าตัด ฉันต้องนอนอยู่เฉยๆ ไม่สามารถทำอะไรได้ เนื่องจากมีแผลผ่าตัดค่อนข้างใหญ่ถึง 3 ที่บนร่างกายซีกขวา นั่นทำให้ฉันตระหนักได้ว่าการมีสุขภาพที่ดีนั้นดีที่สุดแล้ว เราจะไปไหนหรือทำอะไรในชีวิตก็ได้ทั้งนั้น การรักษาสุขภาพให้ดีจึงเป็นเรื่องหลักพื้นฐานที่ทุกคนควรดูแลตัวเอง
แต่เอาเข้าจริงฉันต้องอดด้วยการกินผลไม้นี้ถึง 9 เดือนเต็มนะคะ เพราะระหว่างช่วงเดือนที่ 6 ฉันมีอาการพิษออก และได้พบกับคุณหมออีก คุณหมอก็เลยสั่งให้ฉันทำต่ออีก 3 เดือน นั่นแหละค่ะที่มาของการเป็น Fruitarian ยาวนาน 9 เดือนของฉัน ความทรมานของมันทุกคนน่าจะนึกออก การไม่ได้กินข้าวเป็นเวลา 9 เดือนนี่มันออกจะสุดยอดจนฉันอยากจะมอบเหรียญรางวัลให้ตัวเองในช่วงนั้นจริงๆ เพราะการที่เราต้องดูคนอื่นกินข้าวปลาอาหารแต่เรากินไม่ได้เป็นเวลานานนี่ถือว่าเป็นการบำเพ็ญตบะขั้นสูง รุ่นพี่สนิทกันที่เขาธรรมะหน่อยเขาบอกว่าได้บารมีหลายประการเลยนะเนี่ย เช่น วิริยะบารมี ขันติบารมี สัจจะบารมี อดทน อดกลั้น พากเพียรและตั้งมั่นทำจริงๆ ให้ได้
ตอนนั้นสิ่งที่กินก็มีแต่ผลไม้ต่างๆ ที่มีในฤดูแหละค่ะ เพราะเรียนรู้เรื่องออร์แกนิกมาแล้ว จริงๆ เขาก็ไม่ให้กินทุเรียนและลำไยนะคะ เพราะมีฤทธิ์ร้อนเกิน แต่ฉันก็กินค่ะ ก็คิดว่าเราเคร่งครัดเรื่องกินของไม่ผ่านกระบวนการแล้ว ขอกินแบบที่อร่อยๆ ด้วย ไม่น่าจะเป็นอะไร ส่วนผักไม่ค่อยได้กินค่ะ เพราะพอไม่ได้กินกับน้ำพริกหรือน้ำสลัด ผักสดมันก็จะไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่นัก แต่ฉันใช้ชีวิตทุกอย่างตามปกติ ไม่ว่าจะทำงานหรือเที่ยว ฉันไปนั่งร้านอาหารคุยเฮฮากับเพื่อนๆ ได้โดยไม่ต้องกินกับเขาด้วย ฉันไปเรียนการทำบ้านดินที่พันพรรณด้วย พี่โจ โจน จันไดเป็นคนเดียวเลยที่ไม่แปลกใจเมื่อฉันบอกว่าฉันกินแต่ผลไม้ เพราะเคยมีชาวต่างชาติที่เป็น Fruitarian มาเข้าคอร์สอบรมกับแกหลายรายแล้ว
ฉันทำทุกสิ่งอย่างเหมือนคนอื่นๆ ในร่างกายที่ผอมลงมาก แต่ก็รู้สึกเบาสบายตัวและแข็งแรงทั้งกายและใจ ความเปลี่ยนแปลงก็มีหลายเรื่อง ที่สำคัญคือ ประจำเดือนไม่มาตั้งแต่ช่วงกินไปได้สักเดือนแรก จนออกจากการอดมากินมังสวิรัติ ประจำเดือนจึงกลับมาใหม่ (คุณหมอบอกว่าเป็นกลไกปกติของร่างกายที่อดอาหารเป็นเวลานาน) และช่วงที่กินผลไม้นั้นฉันไม่นอนกลางวันเลยค่ะ เหมือนมันไม่ได้ง่วง ร่างกายตื่นตัวสบายดี นอกนั้นก็มีเรื่องผิวแห้งไปหน่อย สุขภาพกายและใจก็ดีนะคะถึงแม้จะผอมมากหน่อย แต่สิ่งที่ดีที่สุดที่ได้ในช่วงเวลานั้นก็คือการได้รับรู้สิ่งใหม่ๆ และความเข้าใจว่าโลกเรานี้มีทางเลือกมากมาย ขอให้เราเลือกเดินตามทางที่เห็นว่ามันดีกับเรา ซึ่งมันทำให้ชีวิตฉันดีมาตั้งแต่นั้นค่ะ