วันนี้มีการออกกำลังกายรูปแบบใหม่ที่หลายคนอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนมาแนะนำให้รู้จัก แต่บางคนอาจจะเคยได้ยินมาบ้างเพราะในไทยเองก็เริ่มมีคลาสออกกำลังกายชนิดนี้เปิดให้บริการบ้างแล้ว
Barre Exercise หรือ การออกกำลังกายแบบบาร์ คือการออกกำลังกายโดยมีพื้นฐานมาจากท่าเต้นบัลเล่ต์ ถูกคิดค้นขึ้นครั้งแรกโดยลอตเต เบิร์ก ที่ลอนดอน ในปี 1959 เธอเป็นนักเต้นและครูสอนบัลเล่ต์ ภายหลังเกิดการบาดเจ็บที่หลัง จึงได้คิดค้นประยุกต์การเต้นบัลเล่ต์มาเป็นท่าออกกำลังกายเพื่อมาช่วยให้เธอได้ฟื้นฟูร่างกายจากอาการบาดเจ็บ และยังทำให้เธอได้ซ้อมท่าบัลเล่ต์เป็นประจำอีกด้วย จากนั้นก็เปิดสตูดิโอสอนเป็นเรื่องเป็นราวและค่อยๆ กลายเป็นที่นิยมไปถึงนิวยอร์ก (ลูกศิษย์คนหนึ่งของเธอนำไปเปิดคลาสสอนที่นั่น) ลอสแอนเจลิส และซานฟรานซิสโก ก่อนจะได้กลับมาป๊อปอีกครั้งในอังกฤษ ประเทศต้นกำเนิดของบาร์เอ็กเซอร์ไซส์ และปัจจุบันก็ได้แพร่หลายมายังแถบเอเชียบ้านเรา เช่น สิงคโปร์ ฮ่องกง มาเลเซีย และอินโดนีเซีย เป็นต้น
เมื่อชื่อว่าบาร์เอ็กเซอร์ไซส์ ก็แน่นอนว่าต้องมีบาร์เป็นอุปกรณ์หลัก ให้นึกภาพนักเต้นบัลเล่ต์ที่ยืนเกาะบาร์กันเป็นแถวเพื่อฝึกซ้อมท่าเต้นได้เลย
แต่ภายหลังได้มีการใช้อุปกรณ์อื่นๆ เข้าช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความสนุกในการออกกำลังกายให้มากขึ้น เช่น ลูกบอล ดัมบ์เบล มีการใช้เก้าอี้มีพนักพิงแทนบาร์ เพื่อเพิ่มความสะดวก รวมถึงนำศาสตร์การออกกำลังกายอย่างอื่นมาร่วมด้วย เช่น โยคะ พีลาทีส บอดีเวท เทรนนิ่ง
ข้อดีหรือจุดเด่นของบาร์เอ็กเซอร์ไซส์นี้คือ การเคลื่อนไหวที่ไม่ให้เกิดแรงกระแทกในข้อต่อต่างๆ การเกร็งกล้ามเนื้อเพื่อเคลื่อนไหวในท่าเดิมซ้ำๆ จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อมัดต่างๆ แม้มัดเล็กมัดน้อยที่ไม่ค่อยได้ใช้ในชีวิตปะจำวัน
ออกเสร็จก็จะมีอาการขาสั่น แขนสั่นกันเป็นเรื่องปกติ คีย์หลักคือต้องทำต่อเนื่องในท่าหนึ่งๆ ระยะเวลาที่นานพอคือ 1 นาทีขึ้นไป หรือซ้ำท่านั้น 15–20 ครั้ง จึงจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงกล้ามเนื้อและเกิดการเผาผลาญไขมันได้ และถ้าทำทุกท่าซ้ำๆ วนไป ใด้ยาวนานถึง 12-15 นาที ก็จะได้เพิ่มความแข็งแรงของระบบหัวใจและไหลเวียนเลือด (Cardio) ได้ด้วย
High V
ประโยชน์ของท่านี้คือ จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงในส่วนกล้ามเนื้อต้นขา หน้าท้อง ข้อเท้า และเท้า ได้ดีมากๆ
วิธีทำ
1. ยืนตรงให้เท่าห่างกันนิดหน่อย หันส้นเท้าชี้เข้าหากัน ปลายนิ้วเท้าเปิดออกประมาณ 45 องศา
2. ท่าเริ่ม: เขย่งส้นเท้าขึ้นให้สุด เสมือนยืนบนปลายเท้า ให้ขาไปจนถึงหลังตั้งตรง วางมือบนพนักเก้าอี้แบบแค่ใช้พยุงตัว ไม่ทิ้งน้ำหนักลงไปทั้งตัว
3. ท่าจบ: งอเข่าลง ให้เข่ากางออกไปทางด้านข้าง ลงต่ำให้เท่าที่ไหว ให้น้ำหนักทิ้งลงบนปลายเท้าตลอดเวลา จากนั้นเขย่งขึ้นสุดไปที่ท่าเริ่ม
4. ทำซ้ำทั้งหมด 20 ครั้ง หรือจับเวลา 1 นาที
Thight Streamliner
ท่านี้จะเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อน่อง ต้นขา หน้าท้อง ข้อเท้า ดูเหมือนจะทำยาก แต่ลองแล้วไม่ยากอย่างที่คิด
วิธีทำ
1. ยืนให้เท้าขนานชิดกัน ใช้มือจับที่พนักเก้าอี้ เขย่งส้นเท้าขึ้น ยืนบนปลายเท้า ย่อตัวลง
2. ท่าเริ่ม: งอเข่า ย่อตัวลง ลดสะโพกลงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ บีบต้นขาด้านในเข้าหากัน (หัวเข่าควรสัมผัสกัน)
3. ท่าจบ: ยกตัวขึ้นครึ่งหนึ่ง (เข่าควรงออยู่) แล้วกลับไปที่เท่าเริ่มต้น คือครบ 1 ครั้ง
4. ทำซ้ำทั้งหมด 20 ครั้ง หรือจับเวลา 1 นาที
Semi Foldover
ท่านี้มีประโยชน์ในการช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อหน้าท้อง หลัง น่อง สะโพก คอ ท่านี้ยากพอสมควร แต่ฝึกบ่อยๆ จะค่อยๆ ชินไปเอง
1. ท่าเริ่ม: ยืนตรง วางเท้าราบกับพื้น วางมือที่พนักพิงของเก้าอี้
2. ท่า 1: ยกเข่าขวาขึ้นมาที่หน้าอก จากนั้นเขย่งส้นเท้าขึ้น ยืนบนปลายเท้า
3. ท่า 2: ลดเข่าขวาลง ลากผ่านกลางตัว ถีบไปทางด้านหลังให้สุดเท่าที่ไปถึง พร้อมกับโน้มตัวลงด้านหน้า
4. ท่าจบ: จากนั้นดึงเข่ากลับมาชิดหน้าอกในท่าที่ 1 อีกครั้งแล้ววางเท้าลงบนพื้น เป็นครบ 1 ครั้ง
5. ทำซ้ำทั้งหมด 10 ครั้ง แล้วสลับเท้า หรือจับเวลาข้างละ 1 นาที
ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อนั้นมีความสำคัญต่อร่างกายและมีผลต่อการดำรงชีวิต เพราะถ้าเมื่อไรที่กล้ามเนื้อไม่แข็งแรง ก็จะส่งผลกระทบกับทุกกิจกรรมที่ต้องมีการเคลื่อนไหว และชีวิตก็คงหาความสนุกได้ยาก ได้ท่าออกกำลังกายรูปแบบใหม่มาแบบนี้ คงทำให้หลายคนนึกอยากออกกำลังกายมากขึ้นกว่าเดิม
ภาพประกอบ: missingkk