ริมลำเหมืองที่ผ่านหน้าบ้านดอกป่าหญ้าปาย มีมะตูมยืนต้นสูงเด่นรับแขกขาประจำแบบอุ่นหนาฝาคั่งทุกปีไม่เคยขาด ปลายฤดูร้อนหลังจากใบร่วงเกือบหมด มะตูมหรือที่ชาวบ้านทางนี้เรียกว่า ‘มะปิน’ จะเริ่มแตกยอดอ่อน ผู้คนละแวกใกล้เคียงเวียงเหนือจะพากันมาเก็บยอดสีเขียวอ่อนไปทำยำยอดมะตูมคู่กับยอดมะขาม ยำแบบไทยใหญ่ ได้กินกันอร่อยทุกปี 

หลังจากนั้น ดอกมะตูมจะเริ่มผลิช่อตามยอดอ่อนที่เริ่มแก่ คราวนี้ แขกขาประจำจะยิ่งคับคั่งขึ้นกว่าเดิมอีก สังเกตเห็นได้จาก ฝูงแมลงภู่ ผึ้ง บินวนรอบๆ ต้นมะตูมตลอดทั้งวัน จนกว่าดอกจะโรย มะตูมหนึ่งต้นจึงให้ยอดอ่อนและผลมะตูมแก่กับคนและสัตว์ ไม้มะตูมหรือไม้มะปินก็เป็นไม้ที่มีเนื้อขาวลายสวยใช้ทำเครื่องเรือนได้ดี ส่วนดอกที่หอมมากและหวานนัก ก็ยกให้แก่น้องผึ้งไป 

อาหารของผึ้ง ไม่ใช่แค่น้ำหวานในดอกไม้เท่านั้น น้ำหวานนี้จะเป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตให้กับผึ้ง ส่วนเกสรดอกไม้จะเป็นแหล่งโปรตีน เกลือแร่ และวิตามิน เชิงดอยที่ป้าและเพื่อนบ้านอาศัยอยู่นี้ เราร่วมมือร่วมใจที่จะช่วยกันรักษาป่าเดิม ปลูกพืชผักสวนครัวทำไร่นาแบบเกษตรอินทรีย์ เพราะเราตระหนักดีว่า หากเราเผาทำลายป่ากันทุกปี หรือใช้สารเคมีอย่างพร่ำเพรื่อ เราจะเริ่มทำร้ายห่วงโซ่อาหารของเราเอง 

ภาวะโลกร้อนและมลพิษต่างๆ ล้วนเป็นภัยแก่แมลงและผึ้งเป็นอย่างมาก เป็นเหตุให้แมลงและสัตว์ต่างๆ ไร้ที่อยู่อาศัยและขาดอาหารที่ปลอดภัย

การล้มตายและสูญหายไปจากระบบนิเวศของผึ้งจะเกิดหายนะอย่างคาดไม่ถึง

เพราะประมาณร้อยละเก้าสิบของพืชบนดาวโลกนี้ อาศัยผึ้งและแมลงต่างๆ เป็นหลักในการผสมพันธุ์ ถึงเวลานั้นคนและสัตว์จะกลายเป็นผู้หิวโหยจากการขาดแหล่งอาหารจากพืช 

ป้าจายเห็นว่าต้นมะตูมและพืชอีกหลายชนิดในบริเวณบ้านป้ากลายเป็นดาวเด่นเป็นที่โปรดปรานของผึ้งอย่างมาก เพราะผลจากการที่เราพยายามรักษาสิ่งแวดล้อมไม่ทำร้ายแหล่งอาหารของผึ้ง ไม่ใช้สารเคมีในการทำการเกษตรโดยรอบพื้นที่ ทำให้เราได้ผลตอบแทนที่ยิ่งกว่าคุ้ม นั่นคือการติดผลของพืชผักและผลไม้ที่มีอย่างเหลือเฟือ กลายเป็นความมั่งคั่งของเรา 

ต่างประเทศในยุโรปและอเมริกา (หรือแม้แต่ในประเทศไทยเอง) ได้มีการพัฒนาไปสู่ความเจริญที่แลกเอามลพิษไว้กับสิ่งมีชีวิตในดาวโลกอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบอุตสาหกรรมที่เผาผลาญพลังงาน การตัดไม้ทำลายป่า แล้วหันไปปลูกพืชเศรษฐกิจในเชิงเดี่ยวที่ต้องใช้สารเคมีในการลดเวลาเพาะปลูก ด้วยคิดว่าวิธีนั้นจะช่วยเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรเพื่อเลี้ยงครัวโลก ทว่าผลร้ายที่กระทบกับสิ่งมีชีวิตในสภาพแวดล้อมกลับมีมากขึ้นเรื่อยๆ หลายปีที่ผ่านมา พวกเขาจึงเริ่มรณรงค์กันอย่างจริงจัง ที่จะหยุดการทำร้ายโลก และรักษาแหล่งอาหารปลอดภัยให้แก่สิ่งมีชีวิต โดยเฉพาะผึ้ง หลายองค์กรได้เริ่มพูดเป็นเสียงที่หนักแน่นขึ้นว่า ‘ปลูกดอกไม้กันเถอะ’ อย่าปล่อยให้ผึ้งอดอยากยากไร้อีกต่อไปเลย ‘อย่าปล่อยให้น้องผึ้งหิวโหย’ ช่วยน้องผึ้งด้วยเถอะ ฯลฯ  

เพื่อนบ้านป้าจายคนหนึ่ง ปลูกพืชสวนแบบเกษตรอินทรีย์หลายสิบไร่ และมีความตั้งใจที่จะเลี้ยงผึ้งเพื่อเก็บน้ำหวาน เขาได้แวะมาหารือป้าในฐานะ ‘แม่มดดอกไม้’ ว่ามีดอกไม้ชนิดไหนที่ผึ้งโปรดปรานบ้าง

ป้าจึงขุดต้นมะตูมหลายต้นที่งอกใต้ต้นแม่หน้าลำเหมืองฝากเขาไปปลูกที่สวน หวังว่าอีกหลายปีข้างหน้า ผึ้งที่เขาเลี้ยงไว้ จะมีอาหารอย่างดีจากต้นมะตูมนี้ และยังได้ฝากรายชื่อต้นไม้อีกหลายชนิดที่จะให้ดอกที่อุดมไปด้วยน้ำหวาน การทำเกษตรอินทรีย์จะเป็นการรักษาสมดุลธรรมชาติและผลิตพืชดอกอาหารปลอดภัยให้แก่ผึ้ง และผึ้งจะผลิตน้ำหวานดีๆตอบแทนให้แก่เรานั่นเอง 

ครั้งหน้า ป้าจะชวนพวกเราไปรู้จักรายชื่อดอกไม้ที่เป็นยอดนิยมของผึ้ง และยอดนิยมของคนซึ่งไม่ว่าจะปลูกเพื่อการค้า ปลูกเป็นอาหาร ปลูกเพื่อร่มเงา ปลูกด้วยใจรัก หรือเหตุผลใดก็ตาม เมื่อนั้น เรากำลังร่วมกันสร้างห่วงโซ่อาหารของดาวโลก ที่มีผึ้งเป็นกลไกสำคัญในงานนี้

ภาพประกอบ: Paperis