วันนี้เราจะพามารู้จักกับโครงการ Bybi (อ่านว่า บีบี) ที่เมืองโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก Bybi เป็นภาษาเดนิส แปลว่า เมืองของผึ้ง โครงการนี้เป็นโครงการที่บูรณาการความสัมพันธ์ระหว่าง ผึ้ง คน และเมืองกันได้อย่างน่าสนใจ
Bybi ก่อตั้งขึ้นเมื่อ ปี 2010 เป็นโครงการที่เกิดขึ้นโดยหน่วยงานที่ไม่แสวงหาผลกำไร มีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการสร้างสมดุลให้กับสิ่งแวดล้อมเมืองโดยนำผึ้งเข้ามามีส่วนร่วมอยู่ในสภาพแวดล้อมเมือง นอกจากนั้นยังต้องการลดปัญหาทางสังคม ช่วยเหลือให้คนไร้บ้าน คนตกงาน คนว่างงานในเมืองใหญ่ ได้มีงานทำ สร้างโอกาสทางการตลาดผ่านทางผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่สร้างสรรค์จากการเลี้ยงผึ้งอีกด้วย
สาเหตุที่ทำให้โครงการนี้สนใจเรื่องผึ้งนั้นเนื่องด้วยปัจจุบันการทำเกษตรแบบใช้สารเคมีมากขึ้น ส่งผลต่อสภาวะโลกร้อน ทำให้ผึ้งโดยเฉพาะผึ้งผสมเกสรดอกไม้มีจำนวนลดลงไปเรื่อย ๆ และไม่สามารถมีชีวิตรอดที่ยืนยาวอยู่ได้หากปราศจากการเลี้ยง ปัญหานี้ยังรวมไปถึง ผีเสื้อและ แมลงชนิดอื่น ๆ อีกด้วย ดังนั้นการที่เราพยายามนำผึ้งให้กลับเข้ามาสู่ในระบบนิเวศเมืองนั้น ถือเป็นการช่วยอนุรักษ์ผึ้งและแมลง รวมไปถึงการขยายพันธุ์พืชดอกไม้ สมุนไพรต่าง ๆ และช่วยรักษาสมดุลให้สภาพแวดล้อมของเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เราได้มีโอกาสเข้าร่วมทัศนศึกษากับโครงการนี้เป็นเวลา 1 วัน โดยเริ่มต้นจากการนั่งฟังบรรยาย ทัวร์โรงงานขนาดเล็ก และสถานที่เลี้ยงผึ้ง จุดแรกที่สร้างความประทับใจแก่ผู้มาเยี่ยมชมทั้งหลายคือ จุดเลี้ยงผึ้ง ซึ่งตั้งอยู่ในสวนของหมู่บ้าน เราจะเห็นกล่องลังวางซ่อนกันเป็นชั้น ๆ สามชั้นบ้าง สี่ชั้นบ้าง วางกระจายไปตามจุดต่าง ๆ แต่การที่จะเข้าไปใกล้จุดเลี้ยงผึ้งได้นั้น เราต้องทำความเข้าใจเรื่องผึ้งก่อน เพราะเมื่อพูดถึงผึ้งแล้วหลาย ๆ คนก็จะกลัวและไม่อยากเข้าใกล้ ดังนั้น ระหว่างทางที่เราเดินอยู่ในสวน เราอาจจะเห็นผึ้งบินหวักไขวไปมาอยู่ในตอมดอกไม้มากมายเต็มไปหมด และบางครั้งมันก็จะมาตอม หรือ บินเข้าใกล้เรา หลายคนจะกลัวโดนผึ้งต่อย แต่ในความเป็นจริงแล้วผึ้งเป็นสัตว์ที่รักสงบมาก มันจะจู่โจมหรือต่อยก็เมื่อโดยคุกคามเท่านั้น พวกมันจะไม่สนใจเราหรือ อาหารของเราเลย ซึ่งแตกต่างจากตัวต่อโดยสิ้นเชิง
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่อธิบายลักษณะ รูปร่างหน้าตาของผึ้งให้เราฟังก่อนที่จะให้ทุกคนเตรียมตัวเข้าไปดูกล่องเลี้ยงผึ้งใกล้ ๆ ผู้เข้าชมทุกคนจะได้ใส่ชุดป้องกันที่มีแขนยาว คลุมครึ่งตัว และมีหมวกที่มีตาข่ายคลุมหน้า หลังจากที่ทุกคนเตรียมพร้อมแล้วก็ถึงเวลาเข้าไปที่จุดเลี้ยงผึ้ง เมื่อเดินก้าวเข้าไปนั้น ความรู้สึกกลัวหรือตื่นเต้นจากตอนแรกก็ไม่ได้มีมากขึ้นอย่างที่คิด ถึงแม้ว่าผึ้งจะบินทั่วบริเวณ จนได้ยินเสียงกระพือปีกของพวกมันก็ตาม อาจเป็นเพราะอย่างที่เจ้าหน้าที่บอกว่า พวกมันก็จะไม่เข้ามายุ่งกับเรา ถ้าไม่โดยทำร้ายก่อน เจ้าหน้าที่ก็ได้พาชมลังเลี้ยงผึ้ง แต่ละอันหนาแน่นไปด้วยประชากรผึ้ง แต่ที่น่าสนใจคือ น้ำผึ้งที่มากมายน่าทาน ที่พร้อมจะนำไปแยกต่อที่โรงงาน
หลักจากได้ชมจุดที่น่าตื่นเต้นไปแล้ว เราก็กลับเข้าไปในโรงงาน นำโดยเจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งซึ่งอดีตก็เคยเป็นคนไร้บ้านและว่างงานมาก่อน แต่ตอนนี้ได้มาเป็นพนักงานที่นี่ เราได้เรียนรู้วิธีการแยกน้ำผึ้งออกแผงเลี้ยงผึ้งและจุดบรรจุน้ำผึ้งลงภาชนะ น้ำผึ้งที่ได้จากการเลี้ยงผึ้งในเมืองนี้ เป็นน้ำผึ้งจากธรรมชาติแท้ 100 % มีความเป็นธรรมชาติมากกว่าน้ำผึ้งจากเขตชนบทเสียอีก เนื่องจากกฎหมายเทศบาลของที่นี่ ห้ามใช้ยาฆ่าแมลงกับต้นไม้และดอกไม้ที่อยู่ในเขตเมือง
นอกจากนั้นแล้วผึ้งจะหลีกเลี่ยงดอกไม้ที่มีสารเคมี และถ้าผึ้งตัวไหนได้รับสารเคมีมาระหว่างที่บินผ่านดอกไม้ต่าง ๆ มันจะมีกลิ่นประหลาดติดตัวมา ซึ่งมันจะโดนผึ้งตัวอื่น ๆ ปฏิเสธไม่ให้เข้ารัง แต่ถึงแม้ว่าผึ้งในเมืองอาจจะได้รับสารเคมีจากควันรถ หรือจากอุตสาหกรรมต่าง ๆ ภายในบริเวณเมือง แต่มลภาวะเหล่านี้ก็จะไม่สามารถตกค้างไปถึงน้ำผึ้งได้ เพราะกระบวนการที่เปลี่ยนน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ไปเป็นน้ำผึ้งนั้นเกิดขึ้นภายในตัวของผึ้ง และผึ้งจะมีอวัยวะที่ทำหน้าที่เป็นตัวกรองโดยธรรมชาติชั้นเลิศอยู่ ดังนั้นน้ำผึ้งที่ได้จากผึ้งเมืองนั้น เราไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องสารเคมีเลย นอกจากนั้นแล้ว น้ำผึ้งที่เราเก็บได้จากผึ้งที่เลี้ยงในเมือง นั้นจะมีรสชาติของน้ำผึ้งจะแตกต่างออกไปขึ้นอยู่กับบริเวณที่ผึ้งไปกินน้ำหวานมา ไม่ว่าจะเป็นในสวนสาธารณะ สวนหลังบ้าน บนดาดฟ้าตึก หรือ จากบริเวณป่าข้างทางตามแนวรถไฟก็ตาม
โครงการนี้เปิดรับสมัครสมาชิกสนับสนุน และหากบ้านใครต้องการเลี้ยงผึ้งบนดาดฟ้า ในสวนหลังบ้าน สามารถมาขอรับลังเลี้ยงผึ้งไปได้ นอกจากนั้นยังมีการทำกิจกรรมกับเด็ก ๆ ตามโรงเรียน ให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้และค้นพบสิ่งแวดล้อมในเมืองผ่านการสำรวจผึ้งในเมือง ให้ความรู้เรื่องธรรมชาติ ชีววิทยา การทำอาหารแปรรูปจากน้ำผึ้ง การออกแบบผลิตภัณฑ์และยี่ห้อผลิตภัณฑ์ของตนเอง เป็นต้น นอกจากนั้นโรงเรียนใดสนใจที่จะให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้เรื่องผึ้งที่โรงเรียน ก็สามารถ มาขอรับลังเลี้ยงผึ้งไปได้ ก็จะมีเจ้าหน้าที่ไปติดตั้งลังเลี้ยงผึ้งให้ และก็จะมีเจ้าหน้าที่แวะไปดูให้เป็นระยะ ๆ
สิ่งที่น่าสนใจต่อมาเกี่ยวกับโครงการนี้คือ โครงการนี้ทำงานร่วมกับสภากาชาด กระทรวงแรงงาน และเทศบาลเมือง เพื่อช่วยเหลือคนไร้บ้าน คนว่างงาน และผู้ที่มีปัญหาเรื่องติดยาเสพติดและแอลกอฮอล์ โดยนำพวกเขาเหล่านี้มาฝึกอาชีพเป็นคนเลี้ยงผึ้งและเป็นพนักงานในโรงงานน้ำผึ้ง ซึ่งแต่ละคนก็จะมีลักษณะงานและหน้าที่ที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความสามารถและความเหมาะสม ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพนักงานในโรงงาน บ้างก็เป็นคนเลี้ยงผึ้งและเก็บน้ำผึ้ง บ้างก็รับผิดชอบเป็นไกด์นำชม และบ้างก็มีหน้าที่ขายผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เป็นต้น ทุกคนที่เข้ามาทำงานที่นี้จะได้รับการอบรมและฝึกอาชีพที่มีความหลากหลายกันออกไป นอกจากนั้นยังทำงานร่วมกับโครงการเคหะสถานต่าง ๆ เพื่อ จัดหาสถานที่ที่ปิดตัวลงไป เช่น ตึก หรือ อาคารรกร้าง เพื่อนำไปก่อสร้างเป็นโรงงานผลิตน้ำผึ้งอีกด้วย
ทิ้งท้ายก่อนจบการทัศนศึกษาในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่โครงการฝากข้อคิดให้สำหรับใครที่ต้องการช่วยอนุรักษ์ผึ้ง และร่วมกันสร้างสมดุลให้กับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเมืองนั้น เราสามารถช่วยสร้างได้โดย ปลูกดอกไม้ พืช ผัก สมุนไพร หรือ ผลไม้ ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยต้องปลูกแบบปลอดสารเคมี หลังจากนั้นเราจะสังเกตเห็นได้เลยว่าบริเวณบ้านที่เราปลูก จะมีผึ้ง ผีเสือ แมลงต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าทุกบ้านในเมืองช่วยกัน เมืองเราจกลับคืนสู่สมดุลได้ในเร็ววัน