ทางรอดหนึ่งของมนุษย์ชาติท่ามกลางวิกฤติอาหาร คืออาจต้องหันมาบริโภคแมลงเป็นอาหารกัน เพราะการเพาะเลี้ยงแมลงใช้ระยะเวลาสั้นไม่เหมือนกับการทำปศุสัตว์ขนาดใหญ่ ขณะที่โปรตีนในแมลงนั้นใกล้เคียง เทียบเท่า หรือ บางชนิดมีมากกว่าเนื้อสัตว์เลยทีเดียว

ทว่าการตัดสินใจกินแมลงสำหรับผู้ที่ไม่เคยลองลิ้มมาก่อนอาจทำใจยากสักหน่อย ทางเลือกที่ดีคือเราอาจเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแมลงในรูปลักษณ์อื่น ๆ ที่ไม่ต้องเห็นหนวด ขา หรือปล้องท้องของพวกมันให้ชวนขนลุก

ครั้งนี้ฉันเลือกหยิบเอาเส้นพาสต้าจากจิ้งหรีด ซึ่งเป็นเส้นพาสต้าที่พัฒนาขึ้นจาก อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น โดยเขาจะนำเอาจิ้งหรีดที่เลี้ยงในระบบปิด โดยใช้รำข้าวทับทิมชุมแพ และใบกล้วยน้ำว้าพันธุ์พระเทพ เป็นอาหารให้กับจิ้งหรีด ก่อนนำจิ้งหรีดที่โตเต็มวัยมาทำเป็นผงโปรตีนจิ้งหรีดแล้วผสมลงไปในเส้นพาสต้า นั่นทำให้เส้นชนิดนี้มีโปรตีนอยู่ในตัวเอง กินแล้วได้ประโยชน์ต่อสุขภาพ

ว่าแต่ได้เส้นพาสต้าพิเศษแบบนี้จะกินกับอะไรดีหนา ฉันเห็นว่าฤดูหนาวเช่นนี้ มะเขือเทศสด ๆ สีแดงสวยรสหวานอมเปรี้ยว มีวางขายในตลาดเต็มไปหมด จึงเกิดไอเดียนำมะเขือเทศสดมาผัดกับเส้นพาสต้าไปพร้อมกับกระเทียม แล้วทำปานีร์ชีสโฮมเมดง่าย ๆ บี้ใส่ลงไปด้วย เพื่อช่วยให้จานนี้มีสีสันและความหอมมันอร่อยเพิ่มขึ้นอยางเต็มอิ่ม

แมลง คุณค่าโภชนาการที่มีดีมากกว่าหน้าตา
แมลงเป็นอีกหนึ่งแหล่งอาหารที่อยู่กับคนไทยมานาน ซึ่งจากการวิเคราะห์ทางคุณค่าทางโภชนาการ โดยสำนักนักโภชนาการ กรมอนามัย

แมลงจัดว่าเป็นอาหารในกลุ่มเนื้อสัตว์ที่ให้คุณค่าทางโภชนาการสูงอีกชนิดหนึ่ง ทั้งโปรตีน ไขมัน และวิตามินต่าง ๆ ไม่ด้อยไปกว่าเนื้อหมู ไก่ ไข่ หรือปลาเลย ลองคิดง่าย ๆ เอาแมลงน้ำหนักเท่า ๆ กันกับเนื้อสัตว์ มาเปรียบเทียบเฉพาะโปรตีน แมลงให้โปรตีนเท่ากันกับเนื้อสัตว์ชนิดอื่น ๆ เลยทีเดียว ซึ่งสามารถทดแทนแหล่งอาหารโปรตีนได้อย่างดี แมลงจึงถูกมองว่าเป็นแหล่งโปรตีนที่ยั่งยืนแห่งอนาคต

จิ้งหรีด เป็นแมลงอีกหนึ่งชนิดที่ได้รับนิยมบริโภคกันอย่างแพร่หลาย ถ้าดูเชิงด้านคุณค่าทางโภชนาการแล้ว จิ้งหรีด 100 กรัมน้ำหนักดิบ มีโปรตีนถึง 18.6 กรัม ซึ่งใกล้เคียงกับเนื้อหมู และเนื้อไก่ ที่มีโปรตีน 19.5 และ 19.6 กรัม ในจิ้งหรีดมีโปรตีนมากกว่าในไข่ไก่เสียอีก เพราะในไข่ไก่ 100 กรัมหรือไข่ประมาณสองฟอง มีโปรตีนเพียง 12.3 กรัม จิ้งหรีดยังมีสัดส่วนของไขมันที่อิ่มตัว และไม่อิ่มตัว ในสัดส่วนที่เท่ากัน ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งอาหารที่ให้กรดไขมันที่เหมาะสมตามคำแนะนำในการบริโภคไขมัน แต่ถ้าพูดปริมาณคอเรสเตอรอลในจิ้งหรีดก็ไม่สูงมาก เทียบได้ก็เท่ากับเรากินน่องไก่ในน้ำหนักที่เท่า ๆ กันกับจิ้งหรีดเท่านั้นเอง ในแมลงยังมีสารไคตินที่ช่วยในการดักจับไขมันและลดคลอเรสเตอรอลได้อีกด้วย

“พาสต้าเส้นจิ้งหรีดผัดมะเขือเทศสดและปานีร์ชีส“ จานนี้เหมือนไม่มีเนื้อสัตว์เลย แต่ยังได้โปรตีนจากเส้นพาสต้าจิ้งหรีดและปาณีย์ชีสอีกทำให้จานนี้มีโปรตีนถึง 14 กรัม ถือว่าไม่น้อยเลยทีเดียว หรือหากเทียบเป็นปริมาณโปรตีนจานนี้ก็จะเท่า ๆ กับไข่ไก่สองฟอง

จานนี้เติมรสชาติและคุณค่าจากมะเขือเทศสดลูกสีแดงที่มาผัดจนสุกทำให้ได้สารไลโคปีนที่ร่างกายนำไปให้ได้ดีขึ้น ซึ่งอยากแนะนำสำหรับคุณผู้ชายอย่างมาก เพราะมีหลักฐานที่ชัดเจนว่าไลโคปีนช่วยลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากได้ รวมไปถึงลดความเสี่ยงมะเร็งปอด และมะเร็งกระเพราะอาหารอีกด้วย จานเดียวเอาอยู่จานนี้อร่อยครบจบที่พลังงาน 469 กิโลแคลรอรี่เท่านั้น เหมาะกับมื้อเบา ๆ ในวันสบาย ๆ ส่งท้ายปี

พาสต้าเส้นจิ้งหรีดผัดมะเขือเทศสดและปานีร์ชีส (สำหรับ 1 ที่)
– เส้นพาสต้าจิ้งหรีดต้มสุกแล้ว 150 กรัม
– ปาณีร์ชีส บี้เป็นชิ้นเล็ก ๆ ¼ ถ้วยตวง
– มะเขือเทศผลเล็กสด 15 ผล
– มะกอกดำดองฝานเป็นแว่น 3 ผล
– กระเทียมกลีบใหญ่สับ 1 ช้อนโต๊ะ
– ผักชีสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
– พริกไทยดำป่น 1 ช้อนชา
– เกลือบ่อกฐิน 2 ช้อนชา
– น้ำมันรำข้าวสำหรับผัด 1 ช้อนโต๊ะ
– น้ำสะอาด ¼ ถ้วย

วิธีทำ
ตั้งกระทะใส่น้ำมันมะกอกลงไป ใช้ไฟกลาง ใส่กระเทียมสับลงผัดให้หอม แล้วจึงใส่มะเขือเทศสดลงผัดให้นิ่ม ตามด้วยมะกอก จากนั้นใส่เส้นพาสต้าต้มสุกลงไปเคล้า ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย โรยปานีร์ชีสลงไป ผัดเคล้าให้เข้ากัน เติมน้ำสะอาดเล็กน้อย เมื่อผัดจนรสชาติซึมเข้าเส้นแล้ว ปิดไฟ โรยผักชีสับ จัดใส่จานเสิร์ฟ

เรียกได้ว่าเป็นเมนูจานเดียวทำง่าย ๆ เครื่องปรุงไม่ยุ่งยาก แถมยังได้ประโยชน์ครบจบในจานเดียวกันไปเลย

Tips

  • เส้นพาสต้าจิ้งหรีดแห้งน้ำหนัก 75 กรัม เมื่อนำมาต้มสุกแล้ว โดยต้มผ่านน้ำเดือดนาน 10 นาที จะได้เส้นพาสต้าสุกน้ำหนัก 150 กรัม ที่มีระดับความสุกกำลังดี
  • ปานีร์ชีสโฮมเมด ทำง่าย ๆ ได้โดย นำนมโคสดหรือนมพาสเจอร์ไรซ์น้ำหนัก 1,000 มล. ใส่ลงหม้อต้มจนเดือด แล้วจึงใส่น้ำมะนาวสด หรือ น้ำส้มสายชู 25 มล. ลงในหม้อ ต้มส่วนผสมต่อจนนมเริ่มจับตัวกันเป็นก้อน จึงนำไปกรองผ่านผ้าขาวบ้าง แล้วนำเคิร์ดของนมที่ได้ห่อผ้า ทับด้วยของหนัก ๆ ไว้ 1-2 ชั่วโมง เพื่อไล่น้ำออกจนหมด ก็จะได้ปานีร์ชีสที่สามารถนำมาใช้ปรุงอาหารได้

ภาพ : สิทธิโชค ศรีโช