“ขอมอบดอกไม้ในสวน นี้เพื่อมวลประชา” 

ป้าจายขอทักทายคุณผู้อ่าน Greenery ทุกๆ คน ด้วยเนื้อเพลงกินใจเกี่ยวกับการมอบดอกไม้ให้กันค่ะ เพราะนับจากนี้ป้ามีเรื่องราวเกี่ยวกับดอกไม้จะมาเล่าให้คุณๆ ได้อ่านกันถึงสามตอน เพื่อบอกกล่าวถึงความสำคัญและความสัมพันธ์สุดอัศจรรย์ของดอกไม้สีสวยต่อสรรพชีวิต ที่เชื่อมโยงกับความรู้สึกในใจ ไปจนถึงความมั่นคงยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมบนโลกของเรา ว่าแล้วป้าจายขอเริ่มเรื่องราวแรก ด้วยการชี้ให้เห็นถึงคุณค่าของดอกไม้ที่เป็นเสมือนของขวัญสำหรับสิ่งมีชีวิตบนโลกกันก่อนค่ะ

ตำนานการกำเนิดโลกของชาวอียิปต์โบราณกล่าวว่า เดิมโลกเราปกคลุมไปด้วยผืนน้ำและความมืดมิด ไร้สิ่งมีชีวิตใด กระทั่งวันหนึ่งเกิดดอกบัวสีน้ำเงินผุดขึ้นจากกลางน้ำและเริ่มแย้มบานส่งกลิ่นหอมไปทั่วโลก ใจกลางของดอกบัวนั้นสว่างไสวเพราะเป็นจุดกำเนิดของเทพรา หรือ สุริยเทพ ผู้มีรัศมีเรืองรองรอบกาย จึงช่วยขับไล่ความมืดบนโลกให้หายไปสิ้น และหลังจากนั้นพระองค์จึงค่อยๆ สร้างสิ่งมีชีวิตขึ้นบนโลก เห็นไหมคะว่าเรื่องราวเชิงสัญลักษณ์นี้ สะท้อนว่ามนุษย์ให้ความสำคัญกับดอกไม้มากเพียงใด

ดอกไม้เป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของพืชชั้นสูงที่สามารถสร้างหน่วยสืบทอดพันธุกรรมไว้ที่ดอก จากดอกสู่ผล จนถึงเมล็ด ซึ่งเป็นหน่วยเล็กๆ ที่เก็บรวบรวมลักษณะของพืชนั้นๆ ให้เติบโตจากรุ่นสู่รุ่นต่อไปได้ เชื่อมโยงต่อการดำรงชีพของสรรพสิ่งมีชีวิต ซึ่งพึ่งพาอาศัยพืชเป็นหลักของห่วงโซ่ปัจจัยสี่ ทั้งอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค ดอกไม้จึงเป็นของขวัญล้ำค่าอย่างยิ่ง เพราะหากไม่มีดอกไม้ นั่นคือสัญญาณสะท้อนถึงการสิ้นสูญของพืชพรรณธัญญาหาร

มนุษย์มักรู้สึกพอใจเมื่อได้เห็นดอกไม้ที่มีสีสันและรูปทรงสัณฐานสวยงาม ประหนึ่งความรู้สึกราวกับได้เห็นกล่องของขวัญผูกโบว์ เมื่อได้รับแล้วเปิดห่อทีไร หัวจิตหัวใจจะฟูด้วยความยินดีปรีดา แม้ของในกล่องอาจไม่มีมูลค่านัก ทว่าการได้รับของขวัญก็เป็นเครื่องหมายการส่งความรักและปรารถนาดีจากผู้ให้ 

เรื่องนี้ป้าจายไม่ได้กล่าวขึ้นลอยๆ นะคะ เพราะมีวิจัยของฝรั่งเขาค้นพบเรื่องราวดังกล่าวนี้จริงๆ เป็นผลงานวิจัยเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ที่เปลี่ยนไปในเชิงบวกเมื่อได้พบเห็นดอกไม้ค่ะ

งานวิจัยนี้เขาใช้เวลา 10 เดือน เพื่อศึกษาเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างดอกไม้และความพึงพอใจในชีวิต เนื้อหาของงานวิจัยเล่าว่า ผู้เข้าร่วมวิจัยที่ได้รับดอกไม้แสดงความรู้สึกมีความสุขขึ้นทันที เป็นปฏิกิริยาสากลที่เกิดกับทุกกลุ่มทุกวัย ทั้งยังส่งผลต่อความรู้สึกระยะยาวต่ออาสาสมัครที่มีความรู้สึกหดหู่ วิตกกังวล เพราะช่วยให้รู้สึกหดหู่ วิตก กระวนกระวาย ลดน้อยลงหลังได้รับดอกไม้ และแสดงให้เห็นถึงความเพลิดเพลิน พึงพอใจต่อชีวิตอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ดอกไม้ยังช่วยนำไปสู่การติดต่อกับครอบครัวและเพื่อนฝูงมากขึ้น

มีคำกล่าวของ ดร.ฮาวิแลนด์-โจนส์ ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยา แห่งมหาวิทยาลัย Rutgers แห่งรัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา เจ้าของผลงานวิจัยที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่งป้าชอบมากๆ และอยากนำมาถ่ายทอดส่งต่อสู่คุณผู้อ่านนั่นคือ 

“สามัญสำนึกบอกเราว่าดอกไม้ทำให้เรามีความสุข ทว่าตอนนี้ผลพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แสดงให้เห็นว่า ดอกไม้ทำให้เรามีความสุขมากกว่าที่เราคิด และยังส่งผลในเชิงบวกอย่างมากต่อความผาสุกทางอารมณ์ของเรา”

มีข้อแนะนำจากงานวิจัยว่า การจัดดอกไม้ไว้ในห้องโถง ห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร จะทำให้เกิดความรู้สึกดีต่อผู้ที่เข้ามาใช้ห้องนั้นๆ และก่อให้เกิดบรรยากาศของการแบ่งปันอีกด้วย รู้แบบนี้แล้วชวนคิดต่อไปว่า ขนาดแค่จัดดอกไม้ในห้องในบ้านจิตใจเรายังเบิกบานได้ขนาดนี้ แล้วถ้าเราปลูกดอกไม้สวยๆ รอบๆ พื้นที่บ้านของเรา จะนำพาความสุขมาสู่ผู้ปลูกมากมายเพียงใด เพราะดอกไม้นั้นเปรียบเหมือนของขวัญจากแผ่นดินแม่ มอบสู่ผู้รับไม่ว่าคน สัตว์ หรือสิ่งแวดล้อมบนดาวดวงนี้ เราจึงรักและหลงใหลดอกไม้โดยไม่ต้องชี้นำ 

หากมองลึกกว่าภาพดอกไม้ที่ปรากฏแก่สายตา ดอกไม้มีบทบาทสำคัญที่แวดล้อมอยู่ในชีวิตจนเป็นอัตโนมัติ จะหันมองไปทิศทางใด ก็เห็นดอกไม้แทรกอยู่ในสายตาเราเสมอ เราสร้างสวนดอกไม้จากลวดลายสีสันดอกใบ แจกันที่วางประดับอาคารบ้านพัก ดอกไม้แซมผม ดอกไม้สดและแห้งที่เป็นเครื่องดื่ม ลาดลายดอกไม้บนสิ่งทอและเสื้อผ้า ดอกไม้ที่นำไปสกัดเป็นหัวน้ำหอม และดอกไม้ที่มีฤทธิ์เป็นยา เป็นต้น ดอกไม้หลายชนิดมีพฤกษเคมีที่ผลิตสี กลิ่น และรส ในการเยียวยารักษาผู้คน เป็นดอกไม้ยากายและดอกไม้ยาใจมาช้านาน ดอกไม้เป็นสัญลักษณ์ของความรัก ความงาม ความสุข ความเป็นไปของความรู้สึก ภาษาดอกไม้จึงเป็นภาษาที่งดงามเสมอ 

จากภาษาดอกไม้มาสู่อาหารจากดอกไม้ สิ่งมีชีวิตบนดาวดวงนี้ได้อาหารจากสองแหล่ง สัตว์บางชนิดกินแต่พืช บางชนิดกินแต่สัตว์ มนุษย์นั้นมีทางเลือก เราสามารถบริโภคอาหารจากทั้งสองแหล่ง และนับวันคนเราเริ่มมองเห็นว่าไม่ควรเบียดเบียนสัตว์เพื่อให้ได้เนื้อมาเป็นอาหาร เราจึงหันมาพึ่งพาอาหารจากพืชมากขึ้น พืชหัว พืชใบ พืชผล ธัญพืชและเมล็ดต่างๆ รวมไปถึงดอกไม้ ซึ่งสีสันของดอกไม้กินได้อันเกิด

จากรงควัตถุนั้น เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเติมเต็มสุขภาพให้กับผู้รับประทาน กลิ่นหอมจากดอกไม้ มาจากน้ำมันหอมระเหยที่เมื่อเข้าสู่ร่างกายและได้รับความร้อนจากการเผาผลาญจะระเหยสู่เบื้องบนนำพาเอาเลือดและออกซิเจนขึ้นไปหล่อเลี้ยงสมองของเราได้อีกด้วย นี้เป็นเหตุผลว่ายาหอมของไทยที่ใช้แก้อาการวิงเวียนศีรษะ หน้ามืดตาลาย จึงมีดอกไม้ไทยๆ หลายชนิดเป็นส่วนประกอบสำคัญ

วันนี้เราล้วนยอมรับการบริโภคอาหารที่มีดอกไม้เป็นเครื่องปรุงและเครื่องแต่งจาน ทั้งยังรู้วิธีผนวกความสวยงามจากสีสันและประโยชน์ทางด้านโภชนาการของดอกไม้ เข้าไว้ด้วยกันในจานอาหาร ดอกไม้แสนสวยแสนรักจึงขยับจากเรือกสวนไร่นา ขยับจากท้องร่องสวนรอบบ้าน เลื่อนที่ทางจากห้องรับแขก เข้าสู่ประตูห้องครัว เพื่ออยู่ในชุดอาหารสำหรับตั้งโต๊ะในแต่ละมื้อ เราจึงจำเป็นจะต้องรู้จักการใช้ดอกไม้ให้ถูกต้องปลอดภัย ทั้งในแง่การบริโภคและการรักษาให้ดำรงคงอยู่ของพืชพรรณนั้นๆ 

หากเรารักดอกไม้มากเหลือเกิน รักจนต้องเก็บดอกไม้ทุกดอกบนดาวดวงนี้เพื่อประโยชน์สำหรับมนุษย์ เก็บจนไม่เหลือเผื่อใคร ไม่เหลือไว้ประดับโลก ไม่เหลือให้แมลงและสัตว์อื่นๆ เก็บจนโลกสะเทือน และสะเทือนถึงดวงดาวอื่นในทางช้างเผือก เหลือแต่โลกของพืชที่มีแต่ใบ หรือวันที่เกิดวิกฤตโลกร้อน พืชพรรณธัญญาหารพากันล้มตาย วันนั้นเราจะไม่มีผลจากดอก ขาดไร้เมล็ดจากผลซึ่งจะเป็นหน่วยสืบพันธุ์ให้เกิดพืชในรุ่นต่อไป 

ในขณะเดียวกัน หากเราปลูกดอกไม้เชิงเดี่ยวที่เต็มไปด้วยสารเคมี เพียงเพื่อเพราะมุ่งหวังการค้า ไม่ได้ปลูกดอกไม้แบบอ้างอิงธรรมชาติบ้าง ก็ย่อมส่งผลเสียต่อห่วงโซ่อาหารที่ต้องพึ่งพาดอกไม้เช่นเดียวกัน

เมื่อไร้ดอกไม้จะทำให้ห่วงโซ่อาหารของเราหักสะบั้น ชวนให้นึกถึงภาพดวงดาวที่แห้งเฉา ขาดต้นไม้อ่อนที่จะเจริญเติบโตทดแทน รุ่นเก่าๆ เริ่มตายจาก อาหารจากพืชที่เราเคยใช้ยังชีวิตก็เหลือแต่สัตว์ และสัตว์ที่กินพืชเป็นอาหารก็ตกในภาวะเดียวกับเราที่ต้องเผชิญภัยความอดอยากและแย่งชิงอาหารกันเอง เราจึงควรรู้จักการถนอมรักษาของขวัญของเราให้งดงามตราบเท่ากาลนาน 

ภาพประกอบ: PAPERIS

เอกสารอ้างอิง
– บทความ “Rutgers: Flowers Improve Emotional Health”
safnow.org