เราทราบกันดีอยู่แล้วนะคะว่าฟักทองนั้นมีประโยชน์มากมาย เนื้อฟักทองสีเหลืองทองอร่ามนั้น มีวิตามินเอสูง และที่สำคัญคือมี “เบต้าแคโรทีน” ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ สามารถช่วยลดการเกิดมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคหัวใจได้ แถมเบต้าแคโรทีน ยังช่วยต้านความชรา อีกหนึ่งแง่มุมของนักทำขนมเพื่อสุขภาพ ถ้าเราได้ฟักทองที่ดี จะมีเนื้อสัมผัสแน่น เนียน มีความเป็นครีม และหวานตามธรรมชาติอยู่ในตัวแล้วด้วยค่ะ พอนำมาทำไส้ขนมปังแล้ว ทำให้ขนมดูปังคูณสองขึ้นไปอีกเพราะทั้งได้ขนมที่อร่อยและดีต่อสุขภาพ

เมนูขนมปังไส้ฟักทองที่จะชวนคุณทำในครั้งนี้ จะมีขั้นตอนการทำ 2 ขั้นตอนนะคะ คือส่วนของตัวขนมปัง และส่วนของไส้ฟักทอง ดังนั้นการบริหารเวลาสำหรับเมนูนี้เป็นสิ่งที่ต้องใส่ใจ โดยขนมปังนั้นต้องใช้เวลาพักโด เราจึงควรทำการนวดตัวขนมปังกันก่อน แล้วใช้เวลาระหว่างที่รอโดขึ้นฟู มาเตรียมไส้ฟักทองกันค่ะ เท่านี้ก็จะได้ทั้งแป้งและไส้ขนมที่พร้อมประกอบร่างแล้วนำไปเข้าอบได้ทันเวลากัน ว่าแล้วไปดูวิธีทำกันเลยค่ะ

ส่วนผสมแป้งขนมปัง
– แป้งขนมปังไม่ฟอกสี 400 กรัม
– ยีสต์สำเร็จรูป 1 ช้อนชา
– เกลือสินเธาว์ 1 ช้อนชา
– นมถั่วเหลือง 300 ml.
– ชอร์ตเทนนิ่งน้ำมันรำข้าว 40 กรัม
– น้ำตาลอ้อยออร์แกนิก 20 กรัม
– งาดำคั่วสำหรับตกแต่งหน้าขนมปัง

วิธีทำ
1. นำแป้งขนมปังไม่ฟอกสี น้ำตาลอ้อยออร์แกนิค เกลือสินเธาว์และยีสต์ ใส่ลงภาชนะสำหรับนวดสม คนให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน แล้วค่อยเทนมถั่วเหลืองลงไป นวดประมาณ 10 นาทีจนไม่เห็นเป็นเม็ดแป้ง ใส่ชอร์ตเทนนิ่ง และนวดต่อจนกระทั่งเนื้อโดเนียน สามารถขึงเป็นฟิล์มได้ค่ะ แล้วพักให้ขึ้นฟู 2 เท่า ที่อุณหภูมิห้อง โดยระหว่างพักควรหาผ้าชุบน้ำหมาด ๆ คลุมโดขนมปังด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวโดแห้งค่ะ หรือจะใช้กล่อง ภาชนะที่มีฝาปิดก็ได้เช่นกัน

2. เมื่อโดขึ้นฟูเป็น 2 เท่าแล้วใช้กำปั้นกดไล่อากาศ แล้วนำออกมาตัดแบ่งน้ำหนัก 100 กรัม/ก้อน คลึงกลมให้ผิวเรียบตึงและวางพักไว้ให้โดได้รีแล็กซ์ประมาณ 10 นาทีเพื่อง่ายต่อการขึ้นรูปค่ะ

วิธีทำแป้งเราจะพักไว้เท่านี้ก่อนนะคะ เพราะอย่างที่บอกว่า ระหว่างพักโด เราจะมาทำไส้ฟักทองกัน เพื่อไม่ให้เสียเวลาค่ะ

ส่วนผสมไส้ฟักทอง
– เนื้อฟักทองออร์แกนิกนึ่งสุก 500 กรัม
– เกลือสินเธาว์ 1/2 ช้อนชา
– น้ำตาลอ้อยออร์แกนิค 20-30 กรัม

วิธีทำ
สูตรนี้เราจะใช้วิธีการที่ง่าย ไม่ต้องกวนในกระทะตั้งไฟให้ยุ่งยากค่ะ โดยเริ่มจากนำฟักทองนึ่งสุกใหม่ ๆ และยังร้อนอยู่ มาบดด้วยไม้พายให้เนื้อฟักทองเนียนค่ะ การบดฟักทองสุกขณะร้อนจะทำให้บดฟักทองได้ง่าย

จากนั้นมาปรุงรสไส้ฟักทอง โดยก่อนปรุง ควรชิมรสชาติของเนื้อฟักทองว่าหวานมากน้อยแค่ไหนก่อนค่ะ โดยส่วนตัว หากฟักทองมีรสหวานตามธรรมชาติอยู่แล้วก็จะไม่เติมความหวานเพิ่ม ประมาณว่าได้รสธรรมชาติแท้ ๆ หรือรสดั้งเดิมค่ะ แต่หากต้องการความหวานอีกหน่อยให้ใส่น้ำตาลอ้อยออร์แกนิก ปิดท้ายด้วยเกลือสินเธาว์สักนิดเพื่อดึงรสชาติของฟักทองให้ชัดขึ้น หลังจากนั้นพักไส้ฟักทองให้เย็นเพื่อพร้อมนำไปใช้ค่ะ

การห่อไส้ขนมด้วยแป้งขนมปังก่อนอบ
เมื่อไส้ขนมพร้อม โดพร้อม ก็นำมาประกอบร่างกันค่ะ โดยคลึงแผ่โดให้เป็นวงกลมเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 10 ซม. ตักไส้วางตรงกลาง จับมุมทั้ง 4 จากนั้นรวมปิดก้นให้สนิท วางบนถาดอบ ปริมาณไส้ฟักทองเราใช้ปริมาณ 2 สกู๊ปไอศกรีมหรือ ¾ ถ้วยตวงค่ะ หรือจริงๆ แล้วมากน้อยตามชอบ แต่ถ้ามากไปอาจมีไส้ทะลักเวลาอบได้

จากนั้นพักให้ขนมปังขึ้นฟู 2 เท่า อย่าลืมหาผ้าคลุมปิดหน้าขนมปังไม่ให้แห้งด้วยนะคะ ขั้นตอนสุดท้ายก่อนเข้าอบ เราจะตกแต่งตัวขนมให้สวยงามน่ารับประทานมากขึ้นด้วยการทานมถั่วเหลืองด้านบน โรยด้วยงาดำ ใช้กรรไกรตัดแป้งโดเป็นรอย 4 ด้านให้เห็นไส้ฟักทอง เวลาอบเสร็จจะได้กลิ่นหอม ๆ ของฟักทองด้วยค่ะ

โดยก่อนนำเข้าอบให้วอรม์เตาก่อนประมาณ 10 นาทีนะคะ ใช้ไฟบน-ล่างเท่ากัน ประมาณ 190 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 15-20 นาที หรือจนกว่าจะสีสวยถูกใจค่ะ จากนั้นนำออกมาวางพักให้เย็น

Note :
1. เลือกฟักทองแก่ที่มีเนื้อแน่น มัน หวาน แนะนำเป็นฟักทองพันธุ์พื้นบ้านที่ปลูกแบบออร์แกนิก หรือปลูกแบบไม่ใช้สารเคมีใด ๆ เพราะอยากให้ไส้ได้รับความหวานธรรมชาติของเนื้อฟักทองให้ได้มากที่สุด โดยไม่ต้องปรุงแต่งเพิ่ม

2. แป้งสาลีไม่ฟอกสี คือแป้งจากข้าวสาลีที่สีเอาเปลือกชั้นนอกออกแล้วนำไปโม่เป็นแป้ง แตกต่างจากแป้งโฮลวีทตรงที่ แป้งโฮลวีท ทำจากข้าวสาลีที่แยกรำข้าวออกไปแล้ว ยังเหลือเปลือกหุ้มชั้นนอกของเมล็ดข้าวสาลีอยู่ แล้วนำไปโม่ แป้งสาลีไม่ฟอกสีมีขายตามร้านขายอุปกรณ์ทำเบเกอรี่บางร้าน และมีในซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำทั่วไป

3. หากต้องการเปลี่ยนมาใช้แป้งโฮลวีท อาจเพิ่มปริมาณนมถั่วเหลืองในสูตรอีกประมาณ 10 – 20 เปอร์เซ็นต์ ของสัดส่วนเดิมที่ให้ไว้ ให้เช็คจากความยืดหยุ่นของโดค่ะ และถ้าใช้แป้งโฮลวีทต้องให้เวลาพักโดนานขึ้น เพื่อให้แป้งดูดซับความชื้นไปเก็บไว้ในเม็ดแป้งได้เต็มที่ จึงค่อยนำไปอบ เนื้อขนมที่ได้จากการใช้แป้งต่างชนิดกัน จะแตกต่างกัน กล่าวคือ ขนมที่ใช้แป้งสาลีไม่ฟอกสี จะมีเนื้อสัมผัสนุ่มและเนียนกว่า

4. การเก็บรักษาขนมที่อบเสร็จแล้ว ควรเก็บขนมปังไว้ในตู้เย็น ก่อนทานควรอุ่นด้วยไมโครเวฟที่อุณหภูมิสูงเป็นเวลา 15 วินาที

ภาพ : ศศิธร มูลสาร