เป็นเรื่องที่คนรักสิ่งแวดล้อมถกเถียงกันมานาน ว่าการกินรูปแบบไหนที่ช่วยให้ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพของโลกเราสมบูรณ์แข็งแรง เมื่อเราต่างรู้กันดีว่าคาร์บอนไดออกไซด์ส่วนใหญ่ที่ถูกปล่อยไปทำลายชั้นบรรยากาศเกิดจากการทำปศุสัตว์กว่าค่อน

การถกเถียงดังกล่าวดำเนินมาถึงคราวล่าสุด เมื่อนักวิชาการจาก University of Oxford ออกมานำเสนองานวิจัยว่าด้วยการกินที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมไว้ในวารสารเชิงวิชาการ Science โดยจั่วหัวเอาไว้อย่างน่าสนใจว่า 

‘การกินอาหารมังสวิรัตินี่แหละ คือวิธีที่ดีที่สุดในการช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพราะหากทุกคนหันมาเป็นมังสวิรัติ โลกเราจะลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 75 เปอร์เซ็นต์!’ 

หัวหน้าทีมวิจัยดังกล่าวอย่าง Joseph Poore ผู้ศึกษาประเด็นเกี่ยวกับการวิถีกินมังสวิรัติมานานถึง 5 ปีกล่าวว่า หลังจากที่เขาเริ่มศึกษาตัวเลขการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ของอุตสาหกรรมต่างๆ มาสักระยะ เขาก็ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าจะงดบริโภคเนื้อสัตว์และหันมาเป็นมังสวิรัติเต็มตัว เนื่องจากผลลัพธ์ที่เขาค้นพบนั้นระบุว่าจากรายงานพบว่า การทำปศุสัตว์ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กินสัดส่วน 60 เปอร์เซ็นต์ของภาคการเกษตรทั้งหมด (agricultural greenhouse gas emissions) ซึ่งภาคการเกษตรนั้นปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึงราว 11 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์บนโลก กว่านั้น เมื่อเทียบสัดส่วนทางโภชนาการ ยังพบว่าเนื้อสัตว์นั้นให้พลังงานเพียง 18 เปอร์เซ็นต์ และให้โปรตีนเพียง 37 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับอาหารทุกประเภทในท้องตลาด 

สำคัญคือการทำปศุสัตว์เชิงอุตสาหกรรมนั้นรุกล้ำผืนป่าขึ้นเรื่อยๆ ตามอัตราการเกิดของมนุษยชาติที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และบรรดาตัวเลขในงานวิจัยฉบับนี้ก็ฉุดให้เหล่านักกิจกรรมด้านอาหารขบคิดกันยกใหญ่ ว่าการกินมังสวิรัติแบบไหนล่ะที่ ‘เหมาะสม’ ในเมื่อนิยามของอาหารมังสวิรัติในปัจจุบันนั้นหลากหลายกว่าแค่การไม่บริโภคเนื้อสัตว์ 

และหนึ่งในรูปแบบการกินมังสวิรัติที่คนในวงการอาหารเห็นตรงกันว่าสอดคล้องกับทั้งการอนุรักษ์และการดูแลสุขภาพ ก็คือ การกินมังสวิรัติแบบยืดหยุ่น หรือ Flexitarian ทำนองว่ากินในปริมาณพอดี เลือกกินอาหารที่รู้แหล่งที่มา และหลีกเลี่ยงการกินเนื้อสัตว์ให้มากเท่าที่สามารถทำได้ ในวงเล็บว่าไม่ทำลายสุขภาพจิตจนพังไปเสียก่อน เช่น นานๆ ครั้ง เราอาจจะเลือกโปรตีนทดแทนเนื้อสัตว์จากการกินนมวัวที่ดี อย่างในเมนูชีสที่เราไปเรียนมาแบบนี้ก็ได้ ไม่ว่ากัน

เรียนวิธีทำชีสสด สูตรจากสวนพันพรรณ

นั่นตรงกับแนวทางของ ‘สวนพันพรรณ’ แหล่งเรียนรู้เรื่องเกษตรอินทรีย์ในอำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ใช้เป็นหลักในการดำเนินชีวิตมานานนับสิบปี ยิ่งเมื่อเรามีโอกาสเดินทางไปเรียนรู้เรื่องวิถีการกินมังสวิรัติแบบยืดหยุ่น ณ สวนพันพรรณ เมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ก็ยิ่งพบว่าการกินมังสวิรัตินั้นง่ายและทำให้เรารื่นรมย์ได้ไม่ต่างจากการกินเนื้อสัตว์หรืออาหารรสชาติจัดจ้านอย่างที่เราคุ้นเคย เพียงแต่ว่า เราต้องมีส่วนผสมสำคัญอย่าง ‘เวลา’ เพื่อใช้คัดสรร และปรุงอาหารมังสวิรัติอร่อยๆ ขึ้นมาเท่านั้นเอง 

และหนึ่งเมนูที่ใช้ประกอบอาหารมังสวิรัติแทนเนื้อสัตว์ได้อร่อยและชวนให้เราย่นระยะเวลาในการจัดเตรียมวัตถุดิบลงได้อย่างน่าสนใจ คือ ‘พาเนียร์’ (Paneer) ชีสสดทำจากนมวัวคุณภาพดี เนื้อนุ่มหนึบหอมกลิ่นนม แม่ครัวใหญ่แห่งสวนพันพรรณนิยมนำมาปรุงใส่ในแกงกะหรี่แทนเนื้อสัตว์ หรือจะกินเคียงกับขนมปัง โรยหน้าสลัด ก็อร่อยในระดับไม่ทำให้รู้สึกขาดหายอะไรไป แม้ในจานจะไร้เนื้อสัตว์ก็ตามที 

และต่อไปนี้คือสูตรพาเนียร์แสนอร่อย ที่ทำได้ง่ายๆ สำหรับใครที่อยากเริ่มรักโลกด้วยการกินมังสวิรัติแบบยืดหยุ่น วิถีการกินผักเพื่อไม่ทำร้ายสิ่งแวดล้อมและไม่ทำลายความรื่นรมย์ในชีวิตของเราลงเช่นกัน 

ส่วนผสม

น้ำนมวัวสด 2 ลิตร
น้ำส้มสายชู หรือ น้ำมะนาว 1 ถ้วยตวง
เขียงหรือไม้เนื้อหนา สำหรับรีดน้ำออก
ผ้าขาวบางตาถี่

วิธีทำ

1. ต้มนมวัวในหม้อสแตนเลสจนเดือดจัด จากนั้นค่อยๆ เติมน้ำส้มสายชูหรือน้ำมะนาวขณะนมในหม้อเดือด แล้วใช้ไม้พายคนนมในหม้อต่อเนื่องประมาณ 1-2 นาที เมื่อสังเกตว่าเนื้อนมเริ่มแยกตัวเป็นลิ่ม จึงปิดเตา

2. เทนมที่แยกตัวลงในผ้าขาวบาง กรองเอาน้ำออกบางส่วน ก่อนนำเขียงหรือไม้เนื้อหนามาทับเนื้อนมที่เหลือในผ้าขาวบางเพื่อรีดน้ำออก จนได้เนื้อนมเป็นก้อนนุ่มนิ่มคล้ายเต้าหู้

3. ทิ้งก้อนนม หรือพาเนียร์ไว้จนเย็น จึงนำออกจากผ้าขาวบาง ตัดแบ่งเป็นชิ้นเล็กๆ ให้ปรุงอาหารแทนเนื้อสัตว์ หรือเก็บใส่กล่องปิดฝาให้สนิทแล้วนำแช่ตู้เย็น เก็บไว้ได้นาน 3-5 วัน

 ภาพถ่าย: ม็อบ อรุณวตรี