สำหรับประเทศไทยที่เหมือนอยู่ในฤดูร้อนตลอดทั้งปี เครื่องดื่มเย็นๆ ที่มาช่วยดับกระหายดูจะเป็นสิ่งที่คนไทยขาดไม่ได้ แต่อากาศที่ร้อนทะลุปรอทดื่มน้ำเปล่าอาจไม่สดชื่นถึงใจ เครื่องดื่มหวานๆ จึงกลายเป็นทางเลือกที่ผู้คนส่วนใหญ่มองหา แน่นอนว่าเมื่อความต้องการสูง การแข่งขันของผู้ผลิตก็เข้มข้นตามไป เราจึงเห็นเครื่องดื่มหลากหลายรสชาติ หลากหลายประเภทที่บริษัทยักษ์ใหญ่สร้างสรรค์มาใหม่ทุกปี 

ล่าสุดนี้เราก็ได้เห็น clear drink หรือน้ำดื่มสีใส เทรนด์เครื่องดื่มสุดฮิตจากญี่ปุ่น ที่ภายนอกดูเหมือนน้ำเปล่า แต่เมื่อดื่มเข้าไปเราจะรู้สึกได้ถึงรสชาติเบาๆ และกลิ่นหอมอ่อนๆ ของผลไม้ ชาหรือกระทั่งโยเกิร์ต และมักมาพร้อมสูตรน้ำตาลน้อย ไม่มีน้ำตาล ให้พลังงานแคลอรี่ต่ำ ทำให้ clear drink กลายมาเป็นทางเลือกใหม่ที่ตอบโจทย์คนรักสุขภาพแต่ก็ยังขาดหวานไม่ได้อย่างคนไทยได้ตรงจุด

เครื่องดื่มใสๆ ที่ดังได้เพราะภาพลักษณ์ที่ดี

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ clear drink นั้นฮิตสุดๆ ในญี่ปุ่นคือ ‘อิมเมจดูเป็นผู้ใหญ่’ บริษัท Suntory แบรนด์เครื่องดื่มผู้บุกเบิกตลาดน้ำเปล่าแต่งกลิ่นในญี่ปุ่นมาตั้งแต่ปี 2007 วิเคราะห์ตลาดไว้ว่าในสังคมญี่ปุ่นรู้สึกว่าการดื่มโค้ก น้ำอัดลม หรือน้ำหวานต่างๆ ทำให้พวกเขาดูไม่น่าเชื่อถือ หลายคนจึงเลี่ยงที่จะดื่มน้ำหวานต่อหน้าเพื่อนร่วมงาน แต่หันมาดื่มน้ำเปล่าแต่งรสที่ดูเผินๆ ไม่ต่างอะไรจากน้ำเปล่าธรรมดา เพื่อเพิ่มความสดชื่น โดยไม่ต้องเป็นที่เพ่งเล็งของคนรอบข้าง สามารถถือเข้าห้องประชุมธุรกิจสำคัญๆ ได้ โดยไม่เสียภาพลักษณ์แต่อย่างใด 

เหตุผลเล็กๆ น้อยๆ ที่เราไม่คาดคิดนี้ที่ทำให้ clear drink กลายเป็นเครื่องดื่มยอดฮิตที่เติบโตอย่างรวดเร็ว จากผลสำรวจของ Fuji Economy พบว่าตลาดน้ำเปล่าแต่งรสในปี 2011 นั้นมีมูลค่า 236 ร้อยล้านเยน ผ่านไปเพียง 4 ปีมูลค่าการตลาดเพิ่มขึ้นสูงถึง 534 ร้อยล้านเยน ซึ่งตลาดมูลค่ามหาศาลนี้ทำให้บริษัทเครื่องดื่มยักษ์ใหญ่พยายามดึงดูดลูกค้าด้วยสร้างสรรค์เครื่องดื่มรสชาติแปลกใหม่ออกมาวางขายตั้งแต่ชา กาแฟ น้ำอัดลม ไปจนถึงเบียร์ จนปัจจุบันมีเครื่องดื่ม clear drink เป็นร้อยๆ รสชาติเรียงรายในตู้น้ำดื่มของร้านสะดวกซื้อในญี่ปุ่น

จนกระทั่งเทรนด์น้ำเปล่าสุดฮิตนี้ ขยับขยายฐานแฟนคลับจากชาวญี่ปุ่นมาสู่ประเทศไทย ด้วยกระแสของ Suntory Premium Morning Tea Water หรือชานมแบบใส ที่ถูกแนะนำกันปากต่อปาก กระแสฟีเวอร์จนกลายเป็นหนึ่งในไอเท็มที่คนไปญี่ปุ่นต้องลองชิม รวมถึงเป็นของฝากสุดฮิตที่คนไทยฝากเพื่อนซื้อกลับมาจากญี่ปุ่น

เห็นใสๆ แต่ก็ยังตอบโจทย์คนไทยที่ขาดหวานไม่ได้

กระแสฟีเวอร์ข้ามประเทศนี้เองทำให้บริษัทเครื่องดื่มมองเห็นโอกาสทางธุรกิจ เชื่อว่าน้ำเปล่าแต่งรสจะสามารถกลายเป็นไอเท็มยอดฮิตที่ไทยเหมือนกับในญี่ปุ่นได้ เพราะตลาดเครื่องดื่มในไทยนั้นยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง แถม clear drink ยังเป็นไอเท็มที่ตอบสนองเงื่อนไขทางการตลาดอย่างการเรียกเก็บภาษีสรรพสามิตเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล ที่กำลังจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ต.ค. 2562 นี้ด้วย

การเก็บภาษีน้ำตาลของกรมสรรพสามิตนั้นจะเรียกเก็บภาษีจากผู้ผลิตแบบเป็นขั้นบันไดสำหรับเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลเกิน 6 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตรขึ้นไป ผู้ผลิตจึงต้องปรับตัวด้วยการลดน้ำตาลในเครื่องดื่ม เป็นเหตุผลว่าทำไมเราเริ่มเห็นเครื่องดื่มสูตรน้ำตาลต่ำมากขึ้น นอกจากการลดน้ำตาลแล้วหลายบริษัทยังต้องหาช่องทางขายใหม่ๆ เช่นแทรกตัวเข้าไปในตลาดน้ำเปล่าที่เติบโตมากกว่าเครื่องดื่มผสมน้ำตาลแถมยังไม่ต้องกังวลเรื่องภาษี แต่การจะชนกับแบรนด์ใหญ่ๆ ที่อยู่ในตลาดมายาวนานนั้นเป็นเรื่องยาก ทำให้หลายแบรนด์ต้องหาช่องว่างและจุดเด่นใหม่ๆ ที่จะโดดเด่นขึ้นมาจากน้ำเปล่าทั่วไปได้

clear drink นับเป็นเซ็กเมนต์แยกย่อยที่อยู่ตรงกลางระหว่างน้ำดื่มกับเครื่องดื่มผสมน้ำตาลหรือเครื่องดื่มผสมวิตามิน เพราะยังมีหน้าตาที่ใสเหมือนน้ำเปล่า แต่มีรสชาติต่างๆ ที่แปลกใหม่และบางแบรนด์ก็มีการใส่วิตามินเพิ่มเข้าไปเป็นจุดขาย แต่ยังไม่ถึงขั้นเป็น functional drink หรือเครื่องดื่มที่สามารถเสริมวิตามินหรือเครื่องดื่มเสริมอาหารได้ ด้วยปริมาณที่ใส่มาเพียงน้อยนิดพอเป็นกิมมิคให้คนดื่มสนใจ

ถึงอย่างนั้น clear drink ก็ยังถูกจัดว่าเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ด้วยลักษณะใสๆ ที่ดูปลอดภัย จึงถูกวางโพสิชั่นเป็นเครื่องดื่มสดชื่น สำหรับคนรักสุขภาพ ที่กลัวอ้วนหรือไม่อยากดื่มน้ำหวาน เป็นทางเลือกเพื่อสุขภาพที่ดีกว่า แต่ว่ามันดีจริงหรือ?

เครื่องดื่มสีใสดีกับสุขภาพกว่าจริงไหมนะ

สารพัดน้ำเปล่าแต่งกลิ่นที่มาพร้อมสูตรน้ำตาลน้อยหรือไม่มีน้ำตาล ต่างก็มาพร้อมกับคำโฆษณาว่าเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ สามารถดื่มได้ทั้งวัน ดื่มแทนน้ำเปล่าได้ โดยไม่อ้วน แต่รู้หรือไม่ เครื่องดื่มใสๆ นี้อาจจะไม่ได้ดีต่อสุขภาพเหมือนหน้าตาแสนเรียบร้อยที่เรามองเห็น

สูตรน้ำตาลน้อยยังไม่ปลอดภัย

เครื่องดื่มสูตรน้ำตาลน้อยนั้นแม้จะลดหวาน แต่กินแค่ 2-3 ขวดก็เกินปริมาณน้ำตาลที่องค์การอนามัยโลกแนะนำ ยังไม่นับรวมน้ำตาลที่แฝงอยู่ในอาหารต่างๆ ที่เรากินในชีวิตประจำวันอันติดหวานของคนไทยด้วย 

สาเหตุที่ทำให้หลายคนหยุดกินน้ำหวานต่างๆ ไม่ได้นั้นเป็นเพราะน้ำหวานเหล่านี้ประกอบไปด้วยน้ำตาลชนิดที่ดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้เร็วด้วย เมื่อร่างกายเราได้รับพลังงานจากน้ำตาลอย่างรวดเร็ว เราก็จะรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที ทำให้หลายคนติดใจต้องดื่มทุกครั้งที่รู้สึกเหนื่อยล้า

แต่นอกจากความสดชื่นที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแล้ว ระดับน้ำตาลในเลือดและฮอร์โมนอินซูลินจะสูงขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน ซึ่งการที่ร่างกายหลั่งอินซูลินออกมามากเกินไป ในระยะยาวร่างกายจะผลิตอินซูลินน้อยลงหรือด้อยประสิทธิภาพ จนทำให้เกิดโรคเบาหวานและโรคไม่ติดต่อเรื้อรังต่างๆ ตามมา

น้ำตาล 0% ก็ไว้ใจไม่ได้

แม้น้ำตาลจะเป็นตัวร้าย แต่ก็ใช่ว่าเครื่องดื่มน้ำตาล 0% จะลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคที่เราพูดถึงข้างต้นได้ แม้ว่าจะไม่มีการใส่น้ำตาลจริงๆ แต่ก็จะใช้สารให้ความหวานหรือน้ำตาลเทียมทดแทนลงไป ซึ่งสารประเภทนี้ให้รสหวานแต่ไม่ให้พลังงาน แต่ถึงอย่างนั้นสารให้ความหวานกลับไปกระตุ้นกลไกการทำงานของสมอง ส่งผลให้ร่างกายโหยหาน้ำตาลต้องการกินอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มรสหวานบ่อยขึ้น นั้นจึงทำให้ร่างกายหิวง่ายขึ้นและกินมากกว่าปกติ 30% ซึ่งจะเป็นการกินไปแบบไม่รู้ตัว

นอกจากนี้การดื่มน้ำหวานสูตรที่ใส่น้ำตาลเทียมร่วมกับอาหาร ยังส่งผลให้ระดับน้ำตาลและอินซูลินในเลือดขึ้นสูงกว่าการกินอาหารกับน้ำเปล่า แม้น้ำตาลเทียมจะไม่ใช่น้ำตาล แต่ก็กระตุ้นการตอบสนองของอินซูลินในร่างกาย อีกทั้งการใช้น้ำตาลเทียมนั้น ยังทำหน้าที่หลอกลิ้นว่าหวาน แต่สมองที่ต้องการน้ำตาลจริงไม่ได้รับความหวานตามที่ต้องการ ก็เกิดการกระตุ้นทำให้อยากกินน้ำตาลมากๆ เพื่อให้หายอยากในภายหลัง

น้ำใสๆ แบบไหนถึงปลอดภัยจริงๆ

เครื่องดื่มสีใสสูตรหวานน้อยหรือน้ำตาล 0% แม้ภายนอกจะดูสุขภาพดี แต่ก็ไม่สามารถดื่มแทนน้ำเปล่าหรือดื่มบ่อยๆ เพราะจะยังทำให้เราติดหวานเหมือนเดิม สุดท้ายแล้วเครื่องดื่มที่ตอบโจทย์สุขภาพที่สุดคงหนีไม่พ้นน้ำเปล่าจริงๆ ไม่แต่งสีแต่งกลิ่น ที่เพียงพอต่อการดับกระหายได้ แต่หลายคนอาจจะต้องมาเริ่มสร้างความเคยชินให้ร่างกายใหม่ได้ดังนี้

  • ดื่มน้ำให้เป็นนิสัย หากอยู่ข้างนอกก็ให้พกขวดน้ำขนาดพกพาไปด้วย กระหายเมื่อไหร่จะได้มีน้ำเย็นๆ ดื่มทันที
  • หากต้องการเพิ่มรสชาติน้ำเปล่า ควรเพิ่มด้วยวัตถุดิบจากธรรมชาติ เช่นการแช่ผลไม้สดให้เป็น Infused water มีกลิ่นผลไม้เพิ่มความสดชื่นได้
  • ดื่มน้ำทันทีหลังจากตื่นนอน เพื่อกระตุ้นให้ระบบต่างๆ ในร่างกายให้ทำงานได้ดีขึ้น และทำให้รู้สึกสดชื่นตั้งแต่เช้า
  • หากยังต้องการดื่ม clear drink หรือน้ำหวานชนิดอื่นๆ เป็นครั้งเป็นคราว ควรกำหนดลิมิตไว้เช่นไม่เกิน 1 ขวดต่อสัปดาห์ เพื่อไม่ให้ร่างกายติดหวาน

เมื่อเราค่อยๆ ลดการกินหวานลงจนร่างกายสามารถรับน้ำตาลได้น้อยที่สุด ก็จะสามารถสร้างความเคยชินในการรับรสของตนเอง ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทาน ทำให้เราไม่เป็นคนติดหวาน ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาน้ำตาลเทียมหรือสารให้ความหวานทดแทน ช่วยให้เรากินดีได้ในระยะยาว

ข้อมูลอ้างอิง

www.matichon.co.th
www.thairath.co.th
www.bbc.com
https://positioningmag.com
https://soranews24.com
https://mgronline.com