การดูแลตัวเองและความสวยงามเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้หญิงทุกวัยที่ต้องการทำให้ตัวเองดูดีอยู่เสมอ ตลาดเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจึงเติบโตอย่างต่อเนื่องเพราะความต้องการในตลาดไม่มีที่สิ้นสุด เราจึงเห็นสินค้าเพื่อความสวยงามมากมายวางขายเต็มท้องตลาด มีตั้งแต่สูตรทั่วไปจนถึงสูตรที่ใช้นวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาผิวได้ตรงจุด การแข่งขันของอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อความงามจึงเข้มข้นไปด้วยสรรพคุณ วัตถุดิบที่นำมาผลิต รวมไปถึงผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดภายในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งหากสาวๆ ไม่ได้ศึกษาให้ดีอย่างถี่ถ้วนถึงสิ่งที่จะนำมาทาบนร่างกาย ผิวพรรณอันเป็นที่รักและสุขภาพอาจจะถูกทำลายในระยะยาวอย่างไม่รู้ตัวจากสารเคมีที่อยู่ในผลิตภัณฑ์

ในวงการแฟชั่นโชว์ แน่นอนว่าการเลือกเครื่องสำอาง และเครื่องประทินผิวที่ดีที่สุดเป็นงานของช่างแต่งหน้าที่ได้รับความไว้วางใจจากดารา นางแบบนายแบบระดับสากล เพื่ออวดโฉมต่อหน้าสาธารณชนบนเวทีอันยิ่งใหญ่ นอกเหนือจากความสามารถและเทคนิคของเฉพาะตัวของช่างแต่งหน้าแต่ละคนแล้ว ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผลิตภัณฑ์มีส่วนสำคัญที่จะทำให้งานออกมาดูเนี้ยบไร้ที่ติ ไม่ว่าจะเป็นสีของลิปสติก เนื้อสัมผัสของรองพื้น ไปจนถึงการรองรับการตกกระทบของแสงเมื่อสะท้อนบนใบหน้าของนางแบบนายแบบ ปัจจัยเหล่านี้เป็นสิ่งที่ช่างแต่งหน้าทุกคนคำนึงถึงอยู่เสมอ แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ใส่ใจรายละเอียดไปจนถึงที่มาที่ไปของเครื่องสำอางเหล่านั้น เพราะพวกเขาส่วนใหญ่มักจะยึดหลักความสำเร็จจากผลลัพธ์ที่เครื่องสำอางให้กับพวกเขาได้เท่านั้น

ซึ่งแตกต่างจาก Kristen Arnett (คริสเทน อาร์เนต) ช่างแต่งหน้าสาวและที่ปรึกษาด้านความงามชาวอเมริกันชื่อดัง ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น ‘ผู้นำด้านความงามธรรมชาติ’ โดยนิตยสารแอล และนิตยสารอื่นๆ อีกมากมาย เธอคือคนที่มีอิทธิพลในการเปลี่ยนแนวคิดการแต่งหน้าและดูแลผิว ที่เน้นแต่ความสวยงามฉาบฉวยในวงการ ให้กลายมาเป็นการเสริมสร้างความงามโดยธรรมชาติอย่างยั่งยืนมาร่วมกว่า 20 ปีแล้ว เธอเป็นช่างแต่งหน้าคนแรกๆ ที่เทผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางยอดฮิตทั่วไปออกจากกระเป๋าทำงานของเธอ แล้วเปลี่ยนเป็นผลิตภัณฑ์อินทรีย์ธรรมชาติและไร้สารเคมีทั้งหมด แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเธอก็ยังคงรักษาคุณภาพการแต่งหน้าในงานของเธอได้ดังเดิม และยังเธอยังเป็นบุคคลที่ทำให้สุขภาพผิวของลูกค้านางแบบนายแบบดีขึ้นกันเป็นลำดับอีกด้วย

คริสเทนหลงใหลในความสวยงาม และทักษะการแต่งหน้ามาตั้งแต่เธอยังเด็ก เธออัดเทปรายการแปลงโฉม (Make Over) ที่ฉายบนโทรทัศน์ทุกครั้งเมื่อมีโอกาส เพื่อที่เธอจะได้ย้อนกลับมาดูอีกครั้ง และสิ่งที่ทำให้คุณแม่ของเธอตกใจอยู่เสมอ คือการที่เธอชอบตัดรูปศีรษะของนางแบบในนิตยสารออกมาติดสะสมบนกำแพงห้องนอน เพื่อจะได้ดูสไตล์การแต่งหน้าเหล่านั้นเป็นไอเดียแรงบันดาลใจ แม้ว่าจะฟังดูประหลาดไปซักหน่อย แต่แม่ของเธอก็สนับสนุนเส้นทางเดินของเธออย่างเต็มที่ เธอได้เข้าเรียนแต่งหน้า ได้ลองขายเครื่องสำอางแบรนด์ใหญ่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย จนกระทั่งเธอได้เป็นช่างแต่งหน้ามืออาชีพเต็มตัวที่บินไปร่วมงานแฟชั่นต่างๆทั่วโลก

“ฉันรักการแต่งหน้ามาก เพราะมันเป็นพลังที่สามารถทำให้คนคนหนึ่งเปลี่ยนแปลงหน้าตาของตัวเองให้สวยงามขึ้นได้ และสร้างความรู้สึกดีๆ กับตนเอง เวลาที่ฉันดูรายการแปลงโฉม ฉันเห็นรอยยิ้มที่มาจากบุคคลที่ถูกเปลี่ยนรูปลักษณ์ให้ดีขึ้น และแววตาท่าทางอันแสนดีใจของคนใกล้ตัวที่ได้เห็นคนคนนั้นได้เป็นคนใหม่ที่งดงาม”

“การเปลี่ยนแปลงโฉมไม่ได้เปลี่ยนตัวตนของเรา แต่เพียงเปลี่ยนมุมมองของโลกที่มีต่อเราและความรู้สึกที่เรามีต่อตนเองต่างหาก”

ตลอดระยะเวลาที่เธอเป็นช่างแต่งหน้าที่นางแบบนายแบบหลายคนให้ความไว้วางใจ ทำให้เธอต้องดูดีและมีวิธีการแต่งหน้าตัวเองที่สวยงามเสมอไม่ว่าเธอจะปรากฏอยู่ที่ใด แต่เธอก็พบอุปสรรคที่ต้องทำตัวเป็นตัวอย่างด้านความงามเป็นเวลานานกว่า 10 ปี นั่นคือเธอเป็นสิวเรื้อรังที่ไม่ว่าจะรักษาอย่างไรก็ไม่หาย ทำให้เธอรู้สึกไม่ดีกับตัวเอง และบางครั้งก็รู้สึกอายที่ทำงานด้านความงามในขณะที่เธอมีสภาพเช่นนั้น จนกระทั่งในงานหนึ่งที่อิตาลี เธอได้มีโอกาสดูแลนางแบบคนหนึ่งที่ในระหว่างการทำงานได้แนะนำเธอว่า เธอควรจะหยุดทำร้ายผิวตัวเองได้แล้ว โดยการลองหันมาใช้ผลิตภัณฑ์อินทรีย์และธรรมชาติล้วน นางแบบคนนั้นได้บอกอีกว่า ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ประกอบไปด้วยส่วนผสมที่ไม่บริสุทธิ์ หนำซ้ำยังเต็มไปด้วยสารก่อมะเร็งที่เราคาดไม่ถึง ยกตัวอย่างเช่น พาราเบน และสารให้ความหอมเทียม ที่ทำให้ผิวของเราเกิดการระคายเคืองและแย่ลง คริสเทนได้ยินวันนั้น จึงตัดสินใจทดลองกับตัวเอง โดยเริ่มจากนำน้ำมันมะกอกมาชะโลมผิว และใช้วิธีธรรมชาติอื่นๆ รักษาผิวพรรณของตัวเอง เมื่อเวลาผ่าน ผิวของเธอก็ค่อยๆ ดีขึ้น แข็งแรงขึ้น จนเธอตั้งมั่นไว้ว่าเธอจะใช้วีธีการธรรมชาติเหล่านี้ในการทำงานของเธอเท่านั้นในเวลาต่อมา เพื่อตัวเธอเองและนางแบบนายแบบคนอื่นๆ เพราะการทำงานหลังม่านเวทีแฟชั่น ทำให้เธอเห็นใบหน้าจริงของนางแบบนายแบบที่ผ่านมาแล้วผ่านไปเสมอ พวกเขาต้องแต่งหน้ากันสัปดาห์ละ 5-6 วัน ผิวหน้าของพวกเขาจึงบอบบาง และไม่สามารถต้านทานสารเคมีที่อยู่ในเครื่องสำอางบางตัวได้อีกต่อไป

คริสเทนศึกษาเรื่องสารพิษที่อยู่ในเครื่องสำอาง ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความงามอย่างยืนอย่างจริงจัง เธอได้เห็นว่าผลิตภัณฑ์ทั่วไปสร้างปัญหาให้แก่ตัวผู้ใช้เองและสิ่งแวดล้อมได้อย่างไร เธอเริ่มใช้เครื่องสำอางอินทรีย์ในการแต่งหน้าของเธอ ควบคู่ไปกับการเล่าประสบการณ์ความรู้ให้กับคนอื่นได้ฟังด้วย

“ในช่วงแรกของการนำเครื่องสำอางธรรมชาติเข้ามาใช้ในกองแต่งหน้าเมื่อหลายปีก่อนนี้ เป็นสิ่งที่ท้าทายมากเพราะไม่ค่อยมีคนเข้าใจ และเรายังคงไม่สามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์อินทรีย์คุณภาพดี ที่พัฒนาจนสามารถมอบสีหรือเนื้อสัมผัสในการแต่งหน้าตามที่ต้องการ หรือทำให้การแต่งหน้าเป็นดั่งที่หวังไว้ได้ ในหลายครั้งฉันต้องลบเครื่องสำอางบนหน้าของนางแบบออก แล้วทำการแต่งหน้าใหม่อีกครั้งด้วยผลิตภัณฑ์ทั่วไป การเริ่มต้นนั้นไม่ง่ายเลยจริงๆ โชคดีที่ปัจจุบันมีตัวเลือกที่สามารถทดแทนผลิตภัณฑ์สารเคมีได้มากแล้ว”

ความมุ่งมั่นของเธอที่จะสร้างแรงกระเพื่อมในวงการเครื่องสำอางเพื่อแสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์ปลอดภัยก็สามารถนำมาใช้ได้ดีเทียบเท่ากับสิ่งที่มีในท้องตลาด ทำให้เธอตั้งทีมสวยรักษ์โลกขึ้น (Green Beauty Team) ในปี 2016 ซึ่งเป็นทีมที่จัดทำเว็บไซต์เสาะหาและเรียงลำดับผลิตภัณฑ์ความงามธรรมชาติที่ดีที่สุด โดยปราศจากการสนับสนุนจากแบรนด์โดยสิ้นเชิง เพื่อเผยแพร่ข้อมูลที่สำคัญอย่างความอันตรายของสารเคมีที่หลายคนมีในกระเป๋าเครื่องสำอาง และทำให้สาวๆ ตัดสินใจเลือกผลิตภัณฑ์ได้ดียิ่งขึ้นเพื่อคงความงามอย่างยั่งยืน นอกจากนี้เว็บไซต์ของเธอยังสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการฟอกเขียว (Green Washing) ของแบรนด์ต่างๆ รวมไปถึงรายชื่อแบรนด์ที่อ้างว่าใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติเพื่อให้ผู้บริโภคระมัดระวังมากขึ้นด้วย

ตัวอย่างหนึ่งของเครื่องสำอางที่คริสเทนเคยคิดว่ากระบวนการผลิตนั้นเป็นธรรมชาติและเป็นเรื่องปกตินั่นคือ ลิปมัน หรือลิปสติกสีต่างๆ ที่มีส่วนผสมของขี้ผึ้ง  เธอเข้าใจว่าเหล่าผึ้งผลิตน้ำผึ้งและขี้ผึ้งในคราเดียวกันอยู่แล้ว จึงเรียกได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัตถุดิบธรรมชาติ แต่เมื่อเธอได้ศึกษาลึกลงไปเธอยิ่งได้เข้าใจมากขึ้นว่า

คำว่า ‘ธรรมชาติ’ ณ ที่นี้ไม่ได้หมายถึงเพียงตัวของวัตถุดิบเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมไปถึงการมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมของแบรนด์

ในขั้นตอนการเก็บวัตถุดิบเหล่านั้นมาใช้ ซึ่งหลายแบรนด์ใช้วิธีที่ไม่เหมาะสมทั้งทำลายเหล่าฝูงผึ้ง และทำลายระบบนิเวศจากการได้มาซึ่งขี้ผึ้งนี้

หรือจะเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างนั่นคือ ส่วนผสมยอดฮิตในรองพื้นหลากยี่ห้อ ที่ทำให้เมื่อทาบนผิวหน้าแล้วแลดูสวยเนียนแวววาวอย่าง ‘ดิเมทิโคน (Dimethicone)’ หรือซิลิโคนบริสุทธ์ที่เหล่าผู้ใช้ส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าเมื่อชำระล้างหน้าออกไปแล้ว สารตัวนี้ไม่สามารถย่อยสลายตามกระบวนการธรรมชาติได้ ซึ่งถือเป็นอีกเรื่องน่าตกใจที่ความสวยงามอาจเป็นหนทางหนึ่งในการทำลายโลกอย่างไม่รู้ตัว


“อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ความงามสร้างแรงกดดันบางอย่างให้ผู้หญิงส่วนใหญ่รู้สึกไม่ปลอดภัย และรู้สึกด้อยค่าหากไม่ได้มีรูปลักษณ์ความสวยงามตามแบบที่พวกเข้ากำหนดกระแสความงามไว้ ฉันเพียงแค่อยากจะใช้ความรู้ในการการแต่งหน้าแบบธรรมชาติที่ดีและปลอดภัยสร้างความมั่นใจให้กับพวกเขา ทำให้พวกเขารู้สึกสวยงามอย่างที่พวกเขาเป็นอยู่ และแบ่งปันความหมายของคำว่าการรักตัวเองและดูแลตัวเอง เช่นนั้นถึงจะเป็นความงามอย่างยั่งยืนที่แท้จริง”

วิธีเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตัวเองเพื่อสร้างความงามอย่างยั่งยืนตามคำแนะนำของคริสเทนที่ทุกคนสามารถนำไปทำตามได้ดัง 7 ข้อนี้

1. พยายามทำให้ตัวเองคุ้นชินกับชื่อและผลข้างเคียงของส่วนผสมที่เป็นอันตรายในเครื่องสำอาง สามารถลองศึกษาได้จากเว็บไซต์ของเธอ
2. ลองค้นคว้าเพิ่มเติมว่ามีผลิตภัณฑ์ใดที่ทดแทนกันได้บ้าง นอกจากหาอ่านบนช่องทางออนไลน์แล้ว ควรลองคุยกับพนักงานประจำแบรนด์เครื่องสำอางธรรมชาติดู
3. ทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเลือกสรรวัตถุดิบของแบรนด์ว่ามีการสนับสนุนวัตถุดิบอินทรีย์ ปราศจากจีเอ็มโอ (GMO) และมีการส่งเสริมการค้าอย่างเป็นธรรม (Fair Trade) หรือไม่
4. เลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีการทารุณสัตว์ และมีการใช้บรรจุภัณฑ์น้อยชิ้น
5. เริ่มต้นการเปลี่ยนและใช้ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติกับพื้นที่ส่วนใหญ่บนร่างกายเพื่อสังเกตการเปลี่ยนแปลง เช่น ผิวกาย และผมเป็นต้น
6. ค่อยๆ เปลี่ยน ค่อยๆ ใช้ ทำความเข้าใจว่าผลลัพธ์ที่ได้จะไม่มีทางเหมือนกับผลิตภัณฑ์เดิมที่ตัวเราเคยใช้ และบางครั้งอาจจะใช้เวลานานกว่า หรือลองหลายผลิตภัณฑ์จนกว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ถูกใจ
7. จงจำไว้เสมอว่าเราเปลี่ยนแปลงเพื่อตัวเราเอง และโลกของเรา

“ความสวยงาม ไม่ได้หมายถึงการเลือกแท่งลิปสติกที่มีสีสวยที่สุดรับกับใบหน้าของเรา”

คริสเทนเชื่อว่า อย่างไรก็ตามความงามที่ดีที่สุดนั้นต้องมากจากภายในก่อนที่จะมีการเติมแต่ง ถ้าเรามีสุขภาพที่ไม่ดี ทานอาหารที่ไม่ดี ได้รับมลพิษ และสารเคมีเป็นประจำ แน่นอนว่าผิวของเรา หน้าตาของเราอาจจะดูโทรมลงตามสภาพของร่างกาย ไม่ว่าจะแต่งหน้าให้สวยงามเท่าไหร่ก็ไม่สามารถทำให้ความงามอยู่กับตัวเราไปได้นาน ดั้งนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมการดูแลตัวเองอยู่เสมอทั้งกาย ใจ และเลือกผลิตภัณฑ์ประทินผิวที่ดีที่สุดที่ปลอดภัยกับตัวเราและธรรมชาติที่สุดจึงเป็นสิ่งสำคัญ

ที่มาข้อมูล:
www.hyntbeauty.com/interview
www.hyntbeauty.com/A Green Beauty Guru
www.kristenarnett.com
www.kristenarnett.com/Are Your Cosmetics Harmful
www.kristenarnett.com/Best of Beauty Awards
www.kristenarnett.com/Toxic Ingredient
www.beautyindependent.com

ภาพประกอบ: Paperis