ปัจจุบัน โลกกำลังเผชิญหน้าการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและรุนแรง คนทำงานจำนวนมากกำลังถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยี มนุษย์ที่เป็นที่ต้องการในอนาคตคือคนที่มีความสามารถด้าน ‘ทักษะชีวิต’ ไม่ใช่ความรู้เชิงวิชาการอีกต่อไป ดังที่ World Economic Forum ทำการวิจัยว่าคุณสมบัติสามอันดับแรกที่ต้องการสูงสุดจากมนุษย์ในอนาคต คือ ความสามารถในการแก้ไขปัญหา ความสามารถคิดเชิงวิเคราะห์ และ ความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถบ่มเพาะและเรียนรู้ได้จาก ‘การลงมือทำจริง’

วีรกาณต์ เก่งกาจ หรือ แต้ว เคยทำงานอยู่ในองค์กรระดับโลกที่รณรงค์เรื่องสิ่งแวดล้อมเห็นการขับเคลื่อนระดับนโยบายต่างๆ สู่ชุมชนและผู้คน ตระหนักดีว่าอาจถึงเวลาแล้วที่สังคมไทยต้องแปลงความรู้สู่การลงมือทำให้เกิดความยั่งยืนเสียที บ้านปัญแสง หรือ Punsaeng House หมายถึงแสงแห่งปัญญาเกิดจากคำว่า ‘ปัญญา’ รวมกับคำว่า ‘แสงสว่าง’ มีเป้าหมายในการเป็นพื้นที่เรียนรู้เพื่อบ่มเพาะ ส่งเสริมทักษะชีวิตต่างๆ และนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้จริง เนื้อหาการเรียนรู้ที่บ้านปัญแสงสามารถปรับให้เข้ากับผู้เข้ามาเรียนรู้ในหลายรูปแบบ ทั้งนักท่องเที่ยว นักศึกษาฝึกงานจากต่างประเทศ อาสาสมัครจากต่างประเทศ รวมถึงชาวค่ายต่างๆ โดยเนื้อหาการเรียนรู้มีตั้งแต่ระดับง่ายสำหรับเด็กเล็ก เด็กโต ไปจนถึงการเรียนรู้สำหรับผู้ใหญ่

แนวคิดเรื่องการเรียนรู้ตลอดชีวิตนี้ ผู้คนในต่างประเทศตื่นตัวกันมากโดยเฉพาะการเรียนรู้เรื่องทักษะชีวิตหรือความรู้ที่อยู่นอกห้องเรียนเพราะมีการวิจัยยืนยันแล้วว่าก่อให้เกิดประสิทธิภาพในการผลิตมากกว่า ซึ่งบ้านปัญแสงมีกลุ่มลูกค้าหลักส่วนหนึ่งมาจากนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เน้นการเรียนรู้จากประสบการณ์ชีวิตด้วยการลงมือทำแบบใช้เวลาต่อเนื่องโดยมาเรียนรู้เรื่องวิถีชีวิตเกษตร ประมงแบบไทยๆ ผ่านการอยู่อาศัยแบบฟาร์มสเตย์ ซึ่งนับวันจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ “ประเทศจีนเขาเน้นการพัฒนาคน พัฒนาความคิดผ่าน life skill ซึ่งคนเหล่านี้มาเรียนรู้จากกิจกรรมต่างๆ มันคือการเรียนรู้ว่า เราจะถ่ายทอดความคิดออกมาให้ผู้อื่นเข้าใจได้อย่างไร เราจะสื่อสารอย่างไรในการทำงานเป็นทีม  ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ไม่มีในห้องเรียน” วีรกาณต์บอกเล่า

เนื้อหาการเรียนรู้นั้นประกอบด้วยกิจกรรมจากเครือข่ายต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่  อาทิ ค่าย English on the farm เรียนรู้กระบวนการผลิตอาหารเช่นการปลูกผัก การกำจัดขยะอย่างมีประสิทธิภาพด้วยการเลี้ยงไส้เดือนที่บ้านปัญแสง เรียนรู้การเพาะเมล็ด การปลูกต้นกล้า การทำงานในฟาร์มเกษตรออร์แกนิกที่สวนฮ่มสะหลี การปรุงดินและทำปุ๋ยแบบออร์แกนิกที่ Maruchu Bussan การให้อาหารแพะ การรีดนมแพะ การทำสบู่นมแพะที่ Oh My Goat การย้อมผ้าด้วยครามเพื่อออกแบบและผลิตเสื้อผ้าเอง เรียนรู้แหล่งที่มาของสีจากธรรมชาติที่ Tie-Dye การทำขนมและอาหารโบราณจากวัตถุดิบพื้นถิ่นต่างๆ ที่มอกม่วนโฮมสเตย์ และการปั้นดินเซรามิกที่ผสานจินตนาการผ่านการทำงานศิลปะด้วยสมาธิที่ Have a Hug ฯลฯ ซึ่งเป็นการเรียนรู้ทักษะชีวิตผ่านการทำกิจกรรมที่ช่วยบ่มเพาะคุณสมบัติสำคัญของการเป็นมนุษย์ที่มีคุณภาพในอนาคต อาทิ ทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์ การสื่อสาร การแก้ไขปัญหา การสร้างจิตสำนึกสาธารณะ การฝึกความอดทนและการรอคอย เป็นต้น

คนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้เรื่องเหล่านี้มากขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นความสนุก และอีกส่วนหนึ่งสามารถนำไปเป็นอาชีพสร้างตัวได้ด้วย แต่ประเด็นปัญหาก็คือการที่ผู้สอนกับผู้เรียนหากันไม่ค่อยพบ ปัญแสงจึงกำหนดให้ตัวเองเป็นตัวกลางของพื้นที่เรียนรู้ที่ทำให้เกิดความเชื่อมโยงของความต้องการทั้งสองฝ่าย กล่าวคือผู้เรียนสามารถระบุความต้องการของตัวเองได้ว่าอยากเรียนรู้เรื่องอะไรบ้าง ในขณะที่ผู้สอนสามารถนำเสนอเนื้อหาที่มีว่าประกอบด้วยอะไรบ้าง ต้องการผู้เรียนที่มีความรู้ในระดับใด และทำให้ทั้งสองฝ่ายได้รับความต้องการที่ตรงกัน ซึ่งในตอนนี้ปัญแสงกำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาเว็บไซต์เพื่อให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น และในอนาคตอาจพัฒนาการท่องเที่ยวชุมชนร่วมกับชุมชนใกล้เคียงเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้วิถีชีวิตต่างๆ เช่น การเดินป่าเก็บสมุนไพร การเลี้ยงผึ้งชันโรง

ทุกวันนี้ กิจกรรมการเรียนรู้ลักษณะนี้ได้รับความนิยมมากขึ้น ตัวอย่างเช่น สถาบันภาษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกับบ้านปัญแสงจัดกิจกรรมลงพื้นที่ให้ผู้เรียนได้มีประสบการณ์จากการลงมือทำจริงในชั้นเรียนภาคบ่าย เป็นต้น ซึ่งในช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้ บ้านปัญแสงจะมีกิจกรรมเรียนรู้วิถีชีวิตสีเขียว ทดลองเตรียมดิน เพาะกล้า เลี้ยงไส้เดือน ทำลูกประคบ ทำผ้ามัดย้อมปั้นดิน ทำขนมแป้งจี่กล้วย ร่วมกับห้างพรอมเมนาดา จ.เชียงใหม่ และทริปเดินทางเพื่อเรียนรู้เรื่องต้นคราม การย้อมครามแบบ 2 วัน 1 คืนที่ อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ด้วย

ความรู้นับจากวันนี้จึงไม่ใช่สิ่งหยุดนิ่งอีกต่อไป ผู้เรียนรู้ที่ดีในอนาคตจึงต้องยอมทิ้งความรู้เก่าที่ไม่จำเป็น (Unlearn) แล้วเรียนรู้ทักษะใหม่ขึ้นมาได้เสมอ (Re-learn) ตลอดชีวิต

หมายเหตุ
บ้านปัญแสงเป็นพื้นที่การเรียนรู้ที่เชื่อมโยงเครือข่ายหลายอย่าง ที่ผู้เรียนสามารถออกแบบกิจกรรมที่สนใจได้ด้วยตัวเองตามระยะเวลาที่ต้องการ มีกิจกรรมเรียนรู้เป็นระยะๆ อย่างเช่นปลายเดือนตุลาคมนี้ มีกิจกรรมเรียนรู้วิถีชีวิตสีเขียว ราคา 199 บาท และทริปเรียนรู้เรื่องคราม ราคา 1,490 บาท (รวมที่พักอาหาร) ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

FB: Punsaeng House