ทางลัดทางเร็วของการกินผักผลไม้ให้ครบโดส คือการเอาผักผลไม้จำนวนมากมาปั่นรวมกันแล้วดื่มรวดเดียว เพราะในหนึ่งแก้ว เราจะได้กินผักเป็นกำๆ และผลไม้เป็นกองๆ ที่ถ้าให้กินสดๆ หรือปรุงสุกๆ ก็อาจจะอิ่มเกินไป แถมบางชนิดก็กินยาก ไม่อร่อย เหม็นเขียว เปรี้ยวเกิน ขมไป เรียกว่ามีข้ออ้างมากมายที่ทำให้ร่างกายได้รับไฟเบอร์และคุณประโยชน์จากผักผลไม้ไม่เคยเพียงพอ
Veggie Lover 101 ปั่นได้ ปั่นดี รับปีใหม่ คือเวิร์กช็อปปั่นน้ำผักผลไม้อร่อยๆ เพื่อสุขภาพ โดยคุณจัง ศิริลักษณ์ มหาจันทนาภรณ์ ผู้ก่อตั้งร้านปลูกปั่น ร้านน้ำผักผลไม้ปั่นเพื่อสุขภาพ ซึ่งจุดเริ่มต้นมาจากการเห็นถึงความสำคัญของสุขภาพและความใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อม โดยใช้วัตถุดิบจากผักผลไม้สด และนานาธัญพืชที่เป็นเกษตรอินทรีย์และอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ ปราศจากน้ำตาลแต่การันตีความอร่อย แถมวิธีเดลิเวอรี่ยังน่าสนใจ เพราะปั่นจักรยานมาส่งความสดให้ถึงที่ทุกวัน
ด้วยความสงสัย ว่าปลูกปั่นมีเคล็ดลับอะไรที่ทำให้ผักเขียวๆ กลายเป็นสมูทตี้อร่อยและดื่มง่ายได้ขนาดนั้น เวิร์กช็อปชวนปั่นครั้งนี้จึงเกิดขึ้น
เริ่มที่การเลือก ลุยด้วยการล้าง
หัวใจสำคัญของการทำน้ำปั่นสมูทตี้ คือการเลือกวัตถุดิบที่ปลอดภัยจริงๆ นั่นคือผัก-ผลไม้อินทรีย์ที่เรารู้ว่าปลอดจากสารเคมีและไว้วางใจในแหล่งผลิตที่รู้ที่มา และสิ่งที่คุณจังเน้นย้ำ คือเราไม่จำเป็นต้องใช้ผักผลไม้นำเข้าราคาแพง เพราะผักพื้นบ้านของไทยและผลไม้อร่อยหลากหลายของเราก็มีให้เลือกอยู่มากมาย และการใช้ผัก-ผลไม้แช่แข็ง หากไม่ใช่เบอร์รี่ที่เติบโตในอุณหภูมิหนาวเหน็บ ผักผลไม้อื่นๆ นับว่าสูญเสียคุณค่าไปมากจากการฟรีซแล้ว
และแม้จะเลือกผักปลอดเคมี แต่ก็ต้องให้ความสำคัญต่อการล้างเพื่อล้างเชื้ออีโคไลแสนอันตรายที่อาจทำให้เกิดอาหารเป็นพิษชนิดเฉียบพลัน ซึ่งเป็นเชื้อที่มักจะอยู่ในดิน การล้างผักผลไม้จึงควรล้างน้ำสะอาด จากนั้นแช่น้ำผสมเบกกิ้งโซดาในสัดส่วน เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 10-20 ลิตร แช่ประมาณ 15-20 นาที ก่อนล้างออกอีกครั้ง แล้วค่อยหั่นเป็นชิ้นเตรียมปั่น และถ้าใครอยากหั่นเตรียมไว้เพื่อประหยัดเวลา คุณจังแนะนำว่าสามารถหั่นเป็นชิ้นใส่กล่องปิดฝาเข้าตู้เย็นได้ แต่ไม่ควรเกิน 2 วัน
เกินครึ่งโล เกินห้าสี ดีที่สุด
สูตรจำง่ายใช้ดีคือการรับประทานผักผลไม้ให้หลากหลายมากกว่าครึ่งกิโลกรัมขึ้นไป แม้ฟังดูจะเป็นเรื่องยาก แต่เมื่อเปลี่ยนมาเป็นการดื่มก็ไม่ยากจนเกินไป ส่วนใครที่ไม่รู้ว่าจะหาผักอะไรมาปั่น พูดถึงสมูทตี้ก็นึกถึงแต่ผลไม้เดิมๆ ที่เคยกินอยู่ไม่กี่อย่าง แต่ถ้าเมื่อได้รู้ว่าเมื่อก่อนคนไทยเรากินผักกันอยู่กว่า 90 ชนิด จนตอนนี้เหลืออยู่ให้บริโภคกันหลักๆ ไม่เกิน 20 ชนิด ซึ่งก็เป็นเพราะว่า เราฝากท้องไว้กับผักผลไม้ตามตลาดกระแสหลัก แต่ถ้าเราออกจากคอมฟอร์ตโซนในซูเปอร์มาร์เก็ตหรืออาหารตามสั่ง เราจะพบว่ามีผักผลไม้ให้เราเลือกกิน และเอามาปั่นทำสมูทตี้ได้ ไม่ได้มีแค่กล้วย แตงโม ส้ม เท่านั้น แต่เรายังมีทั้งมะละกอ มะม่วงดิบ (ไม่แนะนำมะม่วงสุกเพราะน้ำตาลสูงเกินไป) แครอท ผักชี โหระพา ขึ้นฉ่าย ฟักเขียว ฟักทอง แตงกวา มะเขือเทศ เสาวรส แคนตาลูป คะน้า กวางตุ้ง วอเตอร์เครส ไปจนถึงพริกไทย! เพราะผักผลไม้แต่ละตัวก็ให้คุณค่าที่ดีแตกต่างกัน
รสร้อน รสเย็น รสอร่อย
แค่พูดว่าเอาผักปั่นๆ รวมกันแล้วกินก็นึกถึงกลิ่นเหม็นเขียวโชยมา แต่ถ้าทำตามเคล็ดลับของคุณจังจะพบว่าการดื่มสมูทตี้ผักเพียวๆ ไม่มีน้ำเชื่อม ไม่ง้อน้ำตาล (หรือแม้แต่น้ำแข็ง) ก็อร่อยได้เหมือนกัน แต่ต้องทำความเข้าใจเบื้องต้นตั้งแต่สรรพคุณร้อนเย็นของวัตถุดิบด้วย หลักการง่ายๆ คือผักผลไม้รสหวาน ฉุน เผ็ด จะให้ฤทธิ์ร้อน ส่วนรสเปรี้ยว จืด ขม จะให้ฤทธิ์เย็น จะเลือกวิธีปั่นให้สมดุลหรือจะเพิ่มฤทธิ์ตัวไหนเพื่อลดอาการร้อนใน หรือเพิ่มความอบอุ่นในช่วงอากาศเปลี่ยนก็แล้วแต่สถานการณ์
ส่วนเรื่องรสชาติ เริ่มต้นจากการแบ่งสัดส่วน ผัก 70-75% ผลไม้ 25-30% และให้ใส่ผักแข็งๆ ลงไปก่อน ตามด้วยวัตถุดิบที่เพิ่มเนื้อเนียน เช่น มะละกอ ฟักทอง กล้วย จากนั้นค่อยตามด้วยผักใบต่างๆ และถ้าอยากเพิ่มรสชาติให้อร่อยขึ้น (ถ้าเป็นผักเขียวๆ ต้องเติมรสเปรี้ยวๆ เข้าไป) งานนี้ เสาวรสช่วยได้ดีเสมอ และต้องตักส่วนที่เป็นเยื่อขาวๆ ลงไปด้วยเพราะเป็นส่วนที่มีสารอาหารสูง จากนั้น ตามด้วยธัญพืชที่ชอบ 3 ช้อนโต๊ะ ซึ่งก็ควรเลือกธัญพืชที่ไว้ใจได้ ปลอดภัยจากราและอัลฟาท็อกซิน หากไม่แน่ใจ ก็คั่วหรืออบไล่ความชื้นและเชื้อราก่อนปั่น จากนั้นก็ดื่มอร่อยได้เลย
เรียบเรียงจาก Greenery Workshop 34: Veggie Lover 101 ปั่นได้ปั่นดีรับปีใหม่ วันที่ 16 ธันวาคม 2561 ณ My Kitchen สยามดิสคัฟเวอรี่
ข้อมูลเพิ่มเติม คลิก
ภาพถ่าย: ยสินทร์ เวชวิชา