ปลูกผัก(ชี)โรยหน้า

ปลูกผัก(ชี)โรยหน้า แก้ปัญหาผักโรยหน้าเหลือคาตู้เย็น
ใครที่ชอบทำอาหารที่บ้าน คุณอาจเคยประสบปัญหาซื้อผักโรยหน้าและสมุนไพรเพิ่มกลิ่นมาเป็นกำทั้งที่ใช้นิดเดียว แต่ผักพวกนี้มีอายุแสนสั้น เมื่อเก็บเข้าตู้เย็นไปได้ไม่กี่วัน พวกมันก็มักจะเฉาจนเอาไปใช้ทำอะไรต่อไม่ได้ แต่เราสามารถแก้ปัญหานี้ได้ ด้วยการเปลี่ยนมาปลูกผักกินเองแทน!

การปลูกผักกินเองมีข้อดีมากมาย นอกจากจะทำให้เราได้กินผักที่สด สะอาดปลอดภัยแล้ว ยังช่วยลดขยะอาหารจากการซื้อผักเป็นกำ ๆ ได้ด้วย ที่สำคัญเมื่อผักโต เราก็แค่ตัดยอดไปใช้ ส่วนต้นก็ปล่อยให้โตไปอีกได้เรื่อย ๆ เราจึงมีผักให้กินไปได้อีกนาน อย่างผักชีก็อยู่ได้ถึง 2 เดือน สะระแหน่ โหระพา และกะเพรา สามารถอยู่ได้ยาวเป็นปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดู และการเก็บไปใช้

หลายคนอาจคิดว่าการปลูกผักกินเองนั้นยาก แต่จริง ๆ แล้ว พวกผักสมุนไพรต้นเล็กไม่ได้มีขั้นตอนการปลูกที่ซับซ้อนอย่างที่คิด ไม่ต้องเป็นคนมือเย็น มือเขียว เราก็สามารถสร้างสกิลนักปลูกได้ แถมยังเริ่มได้จากผักกำสุดท้ายที่เราซื้อมานี่แหละ

ปักชำจากผักต้นสวยที่ซื้อมา
การปลูกผักแบบแรกคือการปลูกผักจากต้น ซึ่งเป็นวิธีการยอดฮิตและทำได้กับผักแทบจะทุกชนิด ขอแค่มีต้นและใบ ผักที่มักนิยมนำมาปักชำกัน เช่น กะเพรา สะระแหน่ โหระพา โรสแมรี ขึ้นฉ่าย โดยขั้นตอนการปักชำสามารถทำได้ดังนี้

  1. เลือกผักต้นสวยจากผักที่เหลือจากการทำอาหารมาตัดให้มีความยาวประมาณ 15-20 เซนติเมตร หากปลายก้านของผักเฉาแล้ว ให้ตัดทิ้งก่อนแล้วค่อยเลือกจากส่วนที่ดูแข็งแรงหน่อย
  2. เล็มใบที่อยู่ใกล้ปลายก้านออกบางส่วน พร้อมตัดปลายก้านให้เฉียงเล็กน้อย เพื่อให้ง่ายต่อการงอกของรากและการเตรียมปักลงดิน
  3. เตรียมกระถางใส่ดินให้พร้อม แล้วย้ายผักไปปักลงดิน
  4. เมื่อหมั่นรดน้ำและพาน้องผักไปตากแดด อย่าลืมศึกษาสภาพอากาศที่ผักแต่ละชนิดชอบให้ดี ข้อนี้สำคัญมาก ๆ อย่างผักชีและโหระพาเป็นผักที่ไม่ชอบแดดจัด และควรรดน้ำเช้า-เย็น ในขณะที่กะเพราและขึ้นฉ่ายชอบดินชื้น และชอบโดนแดดตรง ๆ มากกว่า เมื่อต้นผักเริ่มแตกรากและใบ เราก็สามารถเก็บกินในคราวต่อไปได้เลย

ปักชำจากรากที่เหลือ
วิธีการนี้ทำง่ายไม่ต่างจากการปักชำก้าน แต่เหมาะกับผักที่มีรากติดมาด้วยมากกว่า ซึ่งการปักชำรากอาจซับซ้อนมากกว่าการปลูกผักจากต้นนิดหน่อย เพราะผักบางชนิดเมื่อตัดรากก็ปักลงดินได้เลย แต่บางชนิดก็ชอบให้เราแช่น้ำรอรากใหม่งอกก่อนเคลื่อนย้ายไปลงกระถาง

ผักที่เหมาะกับการแช่น้ำ เช่น ผักชี และผักชีฝรั่ง มีขั้นตอนการปักชำรากดังนี้

  1. ตัดผักเหนือรากประมาณ 2 นิ้ว
  2. นำไปแช่ในน้ำประมาณ 2-3 วัน โดยหมั่นเปลี่ยนน้ำทุกวัน ป้องกันไม่ให้รากเน่า
  3. เตรียมกระถางใส่ดินให้พร้อม แล้วนำผักที่แช่น้ำไว้ไปลงดิน

ส่วนผักที่เราย้ายไปลงกระถางได้เลยก็คือ ต้นหอม ซึ่งมีวิธีการปักชำไม่ต่างจากผักชีและผักชีฝรั่ง ต่างกันแค่เมื่อตัดรากและต้นแล้ว ก็สามารถนำไปลงดินได้ทันที ข้อสำคัญก็คืออย่าลืมรดน้ำและนำผักไปเจอแดดตามความชอบของพวกมัน

เมื่อผักเริ่มโตหรือเริ่มมีใบงอกใหม่ ซึ่งโดยส่วนมากจะใช้เวลาประมาณ 2 อาทิตย์ เราก็สามารถตัดยอดไปใช้ได้ แล้วปล่อยให้ต้นที่เหลือเติบโตต่อไป (ใครสะดวกเด็ดใบก็ทำได้ แต่ควรทำอย่างเบามือ เพราะผักเหล่านี้ส่วนใหญ่ช้ำง่าย และมีโอกาสที่ต้นจะหลุดจากกระถางได้)

ที่สำคัญ ไม่ควรตัดใช้ทุกวัน ผักอายุสั้นควรตัดไม่เกินสัปดาห์ละครั้ง และผักอายุยาวควรตัดแค่เดือนละครั้ง ส่วนใครที่อยากใช้เยอะกว่านั้น ควรเพาะให้มีปริมาณมากพอ หรือย้ายผักไปเพาะต่อในกระถางใหญ่ให้มีพุ่มที่แข็งแรง

อย่างไรก็ตาม การปลูกผักด้วยการปักชำทั้งจากต้นและรากไม่สามารถทำให้ผักมีรากแก้วที่แข็งแรงได้ อายุขัยของผักเหล่านี้จึงอาจสั้นกว่าผักที่เติบโตจากการเพาะเมล็ด และอาจมีโอกาสเหี่ยวเฉาได้ง่ายหากไม่ได้รับน้ำและแสงแดดอย่างเพียงพอ แต่ข้อดีก็คือเราไม่จำเป็นต้องรอให้ผักเติบโตนานเท่าการเพาะเมล็ด

ดังนั้น ใครที่อยากได้ผักที่แข็งแรงกว่าเดิม อยู่ได้นานกว่านี้อีกหน่อย ก็สามารถเริ่มต้นจากการไปหาเมล็ดมาเพาะได้เหมือนกัน โดยส่วนมาก การปลูกผักจากเมล็ดนั้นมีขั้นตอนใกล้เคียงกัน คือ

  1. เมื่อได้เมล็ดที่ต้องการแล้ว ให้นำเมล็ดไปแช่น้ำ เมล็ดที่เสียจะลอยขึ้นมาให้เราคัดออก
  2. นำเมล็ดที่เหลือไปใส่ในกล่องที่รองด้วยกระดาษทิชชู พรมน้ำให้พอชุ่มสม่ำเสมอ อย่าปล่อยให้กระดาษแห้ง จนกว่าเมล็ดจะเริ่มมีรากจิ๋วงอกออกมา
  3. ย้ายไปลงกระถางเพื่อรอน้องเมล็ดพันธุ์เติบโตเป็นผักต้นสวยในอนาคตได้เลย

ที่มาข้อมูล:
www.baanlaesuan.com/290796/garden-farm/growing_coriander
www.rakbankerd.com/agriculture/infographic-view.php?id=94
www.facebook.com/myhomefc/posts/3672505182796599/
krua.co/food_story/grown-veggie-from-abundant
www.technologychaoban.com/agricultural-technology/article_80858

Send Us a Message