ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง คือธุรกิจที่ดูแลสิ่งแวดล้อมและสร้างความยั่งยืนให้กับโลกใบนี้ไปพร้อมกัน เช่นเดียวกับที่ La Baguette ร้านเบเกอรีดังแห่งพัทยา จับมือกับ Greenery Water ออกแบบน้ำดื่มบรรจุกระป๋องอะลูมิเนียมลายพิเศษโดยดีไซเนอร์ระดับโลก เพื่อลดขยะพลาสติกและส่งกลับรีไซเคิลได้ 100 เปอร์เซ็นต์

“สิ่งที่สะดุดตาตั้งแต่แรกเห็นน้ำดื่มรูปลักษณ์ใหม่ของ La Baguette (ลา บาเก๊ตต์) ที่เข้ามาแทนขวดพลาสติกแบบเดิม คือลวดลายความน่ารักบนกระป๋องอะลูมิเนียม ที่ถอดเอาคาแรกเตอร์ของร้านเบเกอรีสไตล์ฝรั่งเศสระดับตำนานของพัทยามาไว้ได้อย่างถูกใจคนช่างเก็บและนิยมสะสมงานแพ็กเกจจิงดีไซน์สวย ๆ

แต่เหนืออื่นใดกว่านั้น สิ่งที่บ่งบอกเป็นนัยผ่านน้ำดื่มกระป๋องนี้ คือหัวใจ “รักษ์” ของลา บาเก๊ตต์ ซึ่งแสดงออกมาถึงเราอย่างไม่อวดตัว แต่รู้สึกได้ถึงความตั้งใจด้วยการเลือกใช้วัสดุที่ส่งกลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลได้ทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์อย่างอะลูมิเนียม รวมไปถึงหลอด แก้วเครื่องดื่ม ที่เปลี่ยนไปเป็นบรรจุภัณฑ์จากวัสดุที่ย่อยสลายได้

และเมื่อได้มีโอกาสพูดคุยกับ วรัษยา พันธุศักดิ์ หนึ่งในผู้บริหารของลา บาเก๊ตต์ ก็ยิ่งกระจ่างถึงที่มา

Drink for the Better World
กว่า 20 ปีแล้วที่ลา บาเก๊ตต์ บนถนนสายพัทยา-นาเกลือ เสิร์ฟความอร่อยของเบเกอรี และครัวซองต์หอมกรุ่นให้ชาวพัทยาและผู้มาเยือนอย่างพิถีพิถัน ด้วยคอนเซ็ปต์ของการเป็นร้านเบเกอรีที่มีรสชาติเป็นฝรั่งเศสแท้มาตั้งแต่เริ่ม จากร้านเล็ก ๆ ที่ตั้งต้นด้วย 8 ที่นั่ง ค่อย ๆ เติบโตมาเป็นร้านเกือบ 100 ที่นั่ง และกลายเป็นจุดเช็กอินที่หลายคนลิสต์เอาไว้ว่าจะไม่ยอมพลาด รวมถึงการขยายไปสู่สาขา 2 ที่เขาพระตำหนัก พัทยา และให้บริการแบบดิลิเวอรี สำหรับคนกรุงเทพฯ ที่สุขุมวิท 53

นอกจากเป็นร้านเบเกอรีขึ้นชื่อ ลา บาเก๊ตต์ยังมีภาพจำของธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับเรื่องความยั่งยืน ซึ่งสืบทอดแนวคิดนี้มาตั้งแต่รุ่นพ่อสู่รุ่นลูก โดยตั้งต้นจากวู้ดแลนด์ โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท โรงแรมที่อยู่คู่พัทยามากว่า 30 ปี “คุณพ่อสร้างรีสอร์ทแบบไม่ตัดต้นไม้เลย ออกแบบตึกโดยหลบต้นไม้ในพื้นที่มาตลอด และอุดมการณ์ของคุณพ่อก็ถูกนำมาใช้ในการสร้างลา บาเก๊ตต์ด้วย เราจะมีต้นไม้ต้นหนึ่งที่อยู่เหนือหลังคาร้านที่รักษาเอาไว้คงเดิม” วรัษยาเล่าถึงต้นไม้ที่หลายคนแอบชื่นชมอยู่ และขยายความให้ฟังถึงการดูแลสิ่งแวดล้อมที่แทรกซึมอยู่ในองค์ประกอบต่าง ๆ ของธุรกิจ ทั้งเรื่องการลดขยะและการจัดการขยะที่แยกอย่างละเอียดที่สุดเพื่อง่ายต่อการส่งเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล ส่งเศษสิ่งเหลือใช้เข้ากระบวนการหมักปุ๋ย ไปจนถึงการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์

“และที่เน้นมาตลอดคือเราพยายามปรับแพ็กเกจจิง สมัยแรกสุดคือเปลี่ยนมาใช้หลอดกระดาษ ตอนหลังก็ใช้กระดาษคาร์บอนต่ำกว่าเดิม แก้วน้ำพลาสติกเราเปลี่ยนเป็นไบโอพลาสติก เมื่อก่อนน้ำดื่มเราก็เป็นขวดพลาสติกที่พิมพ์โลโก้ลา บาเก๊ตต์ ใช้มานานเป็นสิบปี แต่ด้วยอุดมการณ์ของเราก็พยายามเคลียร์พลาสติกออก แม้ว่าจะต้องมีต้นทุนที่แพงขึ้นก็ตามที ก่อนหน้านี้เรามีความพยายามที่จะเปลี่ยนเป็นขวดแก้ว แต่ก็ข้อจำกัดเรื่องโรงงานผลิต จนได้มาเจอกระป๋องอะลูมิเนียมซึ่งรีไซเคิลได้จากอิเวนต์หนึ่ง การรีไซเคิลได้ 100 เปอร์เซ็นต์ทำให้เราตกลงใจง่ายมาก”

จุดเปลี่ยนที่ทำให้น้ำดื่มลา บาเก๊ตต์ ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เกิดขึ้นเมื่อวรัษยาได้พบกับ Greenery Water ซึ่งเป็บผู้บุกเบิกน้ำดื่มบรรจุกระป๋องอะลูมิเนียมอยู่แล้ว การเปลี่ยนแปลงนี้ยิ่งเป็นการตอกย้ำภาพจำของการเป็นแบรนด์ที่ดูแลโลกด้วยหัวใจได้อย่างหนักแน่น

“Greenery Water มีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ในการช่วยดูแลโลก และลา บาเก๊ตต์ก็ยินดีที่จะร่วมเดินไปในเป้าหมายที่คุณธนบูรณ์ ผู้บริหาร Greenery Water วางเอาไว้ ลา บาเก๊ตต์เรามักจะมีโปรดักต์ใหม่อยู่เสมอ และน้ำดื่มนี้ก็อยู่ในเมนูใหม่ของเราด้วย ทำให้ลูกค้าของเราได้รับประสบการณ์ใหม่ เห็นได้จากความสุขของลูกค้าที่มักจะถ่ายรูปกระป๋องน้ำดื่มกัน ขณะเดียวกันในมุมของเราก็ดีใจที่ได้มีส่วนช่วยลดขยะพลาสติก เป็นความสวยงามที่รักษ์โลกด้วย”

ด้วยความเชื่อที่ว่า มนุษย์ต้องอยู่ร่วมกัน และลา บาเก๊ตต์พยายามสร้าง ecosystem ที่ดีเพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างมีคุณภาพ “แน่นอนว่ามันอาจไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์อย่างที่เราหวัง แต่ถ้าทุกองค์กร หรือแม้แต่บุคคลในองค์กรพยายามให้มากที่สุดที่จะร่วมกันดูแลโลก แรงส่งนั้นอาจทำให้เป้าหมายของเราใกล้เข้ามามากขึ้น และลา บาเก๊ตต์เองก็จะไม่หยุดพัฒนาในเรื่องเหล่านี้ เรายังมองหานวัตกรรมใหม่ ๆ ที่จะมาเปลี่ยนวัสดุที่ไม่รักษ์โลกมาเป็นวัสดุที่รักษ์โลกให้ได้มากที่สุด เพื่อลูกค้าจะได้ประสบการณ์ที่ดีจากการมาร้านเรา และได้ช่วยโลกด้วย”

ดีไซน์ที่เพิ่มคุณค่าและสื่อสารถึงความใส่ใจโลก
ความน่ารักของดีไซน์บนน้ำดื่มบรรจุกระป๋องอะลูมิเนียมลา บาเก๊ตต์ มีดีไซเนอร์มือรางวัลระดับโลกอย่าง สมชนะ กังวารจิตต์ แห่ง Prompt Design เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการสร้างสรรค์ดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์ให้กับ Greenery Water ทุกแบบ รวมถึงดีไซน์พิเศษที่ได้ collaboration กับแบรนด์ต่าง ๆ

สมชนะให้ความมุมมองถึงการออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีความพิเศษว่า “กระป๋องอะลูมิเนียมบอกเป็นนัยอยู่แล้วว่ารักษ์โลกโดยไม่ต้องตะโกน แต่น้ำดื่มบรรจุกระป๋องอะลูมิเนียมมีราคาสูงกว่าน้ำขวด ฉะนั้นดีไซน์ต้องเข้ามาช่วยให้ภาพรวมของน้ำดื่มกระป๋องที่มีราคาสองหลักเป็นราคาที่สมเหตุสมผล ดีไซน์จะช่วยสร้างมูลค่า และบางคนอาจเก็บไว้เป็นของสะสม

“งานดีไซน์เป็นงานที่ทำขึ้นเพื่อจะไปคุยกับกลุ่มคนเฉพาะ น้ำดื่มลา บาเก๊ตต์ ก็ดีไซน์เพื่อคุยกับกลุ่มคนที่เป็นผู้บริโภคของลา บาเก๊ตต์ ซึ่งทำภารกิจเพื่อสิ่งแวดล้อมเหมือน Greenery. เป็นการบอกเป็นนัยว่า ลา บาเก๊ตต์ไม่ใช่แค่ขายอาหารหรือเบเกอรีที่มีคุณภาพ แต่ยังดูแลสิ่งแวดล้อมด้วย เป็นเสน่ห์ของร้านที่มีวิสัยทัศน์”

โจทย์ที่ได้รับจากแบรนด์มาว่า ต้องการดีไซน์บนกระป๋องน้ำที่มีความอบอุ่น น่ารัก มีความทันสมัยอยู่ลึก ๆ และเข้ากับคอนเซ็ปต์ของร้านที่เป็น Traditional French นำมาสู่การตีความของดีไซเนอร์ที่ดึงเอาเอกลักษณ์ของร้านมาสู่การออกแบบได้อย่างน่าสนใจ

“ลา บาเก๊ตต์ เป็นร้านสไตล์ฝรั่งเศส ถ้าใช้คำว่าวินเทจจะกว้างไป ผมเรียกมันว่า French Shabby ซึ่งเป็นสไตล์ที่เกิดขึ้นในยุค 80s-90s เอาเฟอร์นิเจอร์เก่ามาโมดิฟายด์ให้ดูอบอุ่น ถ้าเป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้ก็จะถูกขัดให้เห็นเนื้อไม้จริง รวมกับวอลล์เปเปอร์สีโทนหวานออกพาสเทล มีดอกไม้ และลา บาเก๊ตต์มีสไตล์แบบนั้น”

คาแรกเตอร์ของร้าน ขนมในร้านที่แฟน ๆ รู้จักกันดี แลนด์มาร์กของฝรั่งเศสอย่างหอไอเฟล นกฝรั่งเศส และดอกกุหลาบฝรั่งเศส ถ่ายทอดมาเป็นงานวาดมือที่ดูสดใส ให้กลิ่นอายของฝรั่งเศสอวลอยู่บนพื้นขาวร่วมกับสีทองซึ่งเป็นสีหลักของร้าน รวมถึงข้อมูลต่าง ๆ ถูกนำมาผสมเป็นเรื่องเล่า

“เรานำสไตล์ใหม่ ๆ มาผสมกับข้อมูลต่าง ๆ ใส่แฮชแทกที่เป็นสมัยใหม่ตรงชื่อร้าน ส่วนโลโก้ของลา บาเก๊ตต์เราเอามาเขียนให้ดูมีความทันสมัย วางในแนวตั้งโดยมีดอกกุหลาบฝรั่งเศสมาแทรกผสมอยู่ และบนกระป๋องจะใช้เทคนิคการพิมพ์แบบด้านเพื่อให้งานดูซอฟต์ เปิดให้เห็นความวาวของกระป๋องในบางส่วน ไม่ว่าจะเป็นสีทอง สีแดง สีน้ำเงิน และใส่ข้อมูลหลักเกี่ยวกับวัสดุอะลูมิเนียมเพื่อสื่อสารกับผู้บริโภค”

ในฐานะดีไซเนอร์ที่ออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้กับธุรกิจรักษ์โลก สมชนะมีมุมมองต่อผลิตภัณฑ์น้ำดื่มในบรรจุภัณฑ์จากอะลูมิเนียมนี้ว่า “น้ำดื่มเป็นพื้นฐานของทุกธุรกิจ ไม่ว่าจะธุรกิจที่ขายเครื่องดื่มโดยตรงอย่างร้านอาหาร คาเฟ่ โรงแรม หรือธุรกิจโครงการต่าง ๆ ก็ต้องมีน้ำดื่มไว้รับรอง ซึ่งจุดเล็ก ๆ แบบนี้สะท้อนกลับไปยังแบรนด์ได้ ถ้าใช้น้ำดื่มขวดพลาสติกก็ไม่ได้มีความแตกต่าง แต่การใช้กระป๋องอะลูมิเนียมที่รีไซเคิลได้ทั้งหมด คนที่เดินเข้ามาจะสามารถสัมผัสกับวิสัยทัศน์ของผู้บริหารได้เลยโดยไม่ต้องอธิบายหรือเปิดสไลด์เล่าว่าแบรนด์ทำอะไร”

(All You) Can Change The World 
นอกจากแฮชแทก #LeBaguettePattaya ที่อยู่บนกระป๋องแล้ว อีกแฮชแทกหนึ่งที่วางตัวอยู่เสมอบนกระป๋องน้ำดื่มอะลูมิเนียมที่แบรนด์ต่าง ๆ ได้ทำงานร่วมกับ Greenery Water คือ #CanChangTheWorld ที่สื่อสารกับผู้พบเห็นอย่างตรงไปตรงมาว่า “เราทุกคนสามารถช่วยโลกใบนี้ได้”

ธนบูรณ์ สมบูรณ์ ผู้ก่อตั้ง Greenery. บริษัท One-Stop Service Platform for Creative Sustainable Lifestyle ซึ่งบุกเบิกน้ำดื่มบรรจุกระป๋องอะลูมิเนียม Greenery Water เล่าถึงความหมายสำคัญของแฮชแทกนี้ว่า “เป็นสิ่งที่เราตั้งใจสื่อสารกับผู้บริโภคหรือผู้ประกอบการว่า เราทุกคนสามารถเปลี่ยนโลกได้ ไม่ว่าคนที่หยิบน้ำดื่มในกระป๋องอะลูมิเนียมขึ้นมาดื่ม หรือธุรกิจที่เลือกน้ำดื่มบรรจุกระป๋องอะลูมิเนียมขึ้นมาเสริมการให้บริการแก่ลูกค้า ทุกคนล้วนเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนโลกให้ดีขึ้นได้”

น้ำดื่มบรรจุกระป๋องอะลูมิเนียมช่วยเปลี่ยนโลกได้อย่างไร ? ธนบูรณ์ชวนเราย้อนคิดถึงปริมาณขยะพลาสติกจำนวนมหาศาลที่ถ้านับเฉพาะขวดพลาสติกจากน้ำดื่มก็มีมากถึง 6 พันล้านขวดต่อปี ขณะที่อัตราการนำกลับมารีไซเคิลมีอยู่เพียง 9 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แล้วอีก 91 เปอร์เซ็นต์อยู่ที่ไหน ?

“อีก 91 เปอร์เซ็นต์กลายเป็นขยะสะสม บางส่วนถูกนำไปฝังกลบ บางส่วนเผา บางส่วนทิ้งลงสู่แหล่งน้ำ ไหลลงทะเล สุดท้ายแล้วขยะพลาสติกเหล่านี้ยังคงปะปนและปนเปื้อนอยู่ในน้ำ อาหารที่เรากิน อากาศที่เราหายใจ ปัญหาขยะพลาสติกส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในทุกมิติ และย้อนกลับเข้ามาหามนุษย์เราโดยตรง”

ด้วยเหตุนี้ทำให้ Greenery. ซึ่งมีมิชชั่นในการเสนอทางเลือกให้ผู้บริโภคได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เพื่อสร้างผลกระทบที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม จึงผลิตน้ำดื่มโดยใช้วัสดุที่นำกลับมารีไซเคิลได้ 100 เปอร์เซ็นต์อย่างอะลูมิเนียมเป็นบรรจุภัณฑ์ โดยใช้อะลูมิเนียมรีไซเคิล 71 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลือเป็นอะลูมิเนียมใหม่ที่มาจากเหมืองแร่ที่ดูแลสวัสดิการคนงานและจ้างงานอย่างเป็นธรรม และที่สำคัญต้องมีกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสูงสุดตามมาตรฐานสากลด้วย

“เหตุผลที่เป็นอะลูมิเนียมเพราะมีน้ำหนักเบา เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพราะเป็นวัสดุที่รีไซเคิลวนกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างไม่รู้จบ ช่วยประหยัดพลังงานในการผลิตใหม่ และการรีไซเคิลอะลูมิเนียม 1 กิโลกรัม ช่วยลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 9.13 กิโลกรัม”

การ collaboration กับลา บาเก๊ตต์ นับเป็นครั้งแรกที่ Greenery Water ได้ทำงานร่วมกับธุรกิจร้านอาหาร ธนบูรณ์เล่าถึงความยินดีในครั้งนี้ว่า “รู้สึกตื่นเต้นและดีใจทุกครั้งที่ได้ร่วมกับแบรนด์ต่าง ๆ ทั้งธุรกิจโครงการจัดสรรอย่างสัมมากร เทศกาลดนตรีวันเดอร์ฟรุต โชว์ที่มีชื่อเสียงอย่างทิฟฟานี่ และร้านเบเกอรีอย่างลา บาเก๊ตต์ ซึ่งให้ความสำคัญและสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อม หันมาใช้วัสดุอะลูมิเนียมสำหรับบรรจุภัณฑ์น้ำดื่ม

“ผมมองว่า การที่ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จแล้ว หรือธุรกิจที่กำลังเติบโต ไม่ได้คิดถึงแค่ธุรกิจของตัวเอง แต่ยังคิดถึงเรื่องการดูแลโลก ดูแลสิ่งแวดล้อมไปด้วย จะเป็นแรงบันดาลใจให้แบรนด์อื่น ๆ ลุกขึ้นมาช่วยกันลดปัญหาสิ่งแวดล้อม อย่างที่ลา บาเก๊ตต์ตั้งใจลดปัญหาขยะพลาสติกจากขวดน้ำดื่ม เพื่อให้โลกนี้ดีขึ้น”

การขยับตัวของลา บาเก๊ตต์ ในครั้งนี้ จึงเป็นการสานต่อเรื่องราวความยั่งยืนจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งเป็นคุณค่าที่เคียงคู่มากับความสำเร็จของธุรกิจที่ไม่ละเลยต่อการดูแลโลก เมื่อบวกรวมกับไอเดียที่สร้างสรรค์ ก็ยิ่งทำให้การมาพบกันของแบรนด์เบเกอรีและน้ำดื่มที่คิดเพื่อโลกและสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องดีต่อใจ และชวนต่อยอดสู่ไอเดียใหม่ ๆ อย่างไม่รู้จบ

ติดตามเรื่องราวของน้ำดื่มที่ดีต่อโลกได้ที่ www.greenerywater.com

ภาพ: La Baguette พัทยา, Greenery.