“ผมหันมาสนใจวิถีชีวิตออร์แกนิกและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยเริ่มจากความประทับใจและศรัทธาในแนวทางนี้ เพราะเชื่อว่านี่คือทางรอด ไม่ใช่แค่ทางเลือก ซึ่งพอศึกษามากๆ มันก็ช่วยขัดเกลาจิตใจตัวเอง เพราะเราต้องสนใจสิ่งแวดล้อมมากกว่าตัวเอง ซึ่งมันก็ไม่ต่างอะไรกับการฝึกลดอัตตาลง แต่ขณะเดียวกัน เมื่อเราใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเรื่อยๆ เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะเดินไปบนความพอดี เพราะถ้าเราตึงเกินไป มันก็จะสร้างความเครียดให้กับตัวเอง เผลอไปสร้างความคาดหวังกับคนอื่น ลงท้ายมันก็ไปเบียดเบียนและสร้างปัญหาให้คนรอบตัว ผมเลยหันกลับมาคิดใหม่ว่า การรักษาสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่ดี แต่เราต้องเข้าใจด้วยว่า คนแต่ละคนก็มีบริบทและความจำเป็นในชีวิตที่แตกต่างกัน เรามีความรู้ เราก็แบ่งปันกันได้ แต่เราไม่สามารถไปตัดสินใจแทนกันได้ ทุกคนควรทำให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้บนความยืดหยุ่น

“การที่ใครสักคนไม่สามารถรักษาสิ่งแวดล้อมได้ทั้งหมด 100% ไม่ได้แปลว่า เขาไม่ดี หรือเป็นของปลอม แต่โดยธรรมชาติมันไม่มีใครทำได้ขนาดนั้น เพราะแม้แต่ธรรมชาติเองก็คือความไม่สมบูรณ์แบบ มีความหลากหลาย ผสมผสาน จะไปคาดหวังให้คนสมบูรณ์แบบคงไม่ได้ ถ้าเรารักธรรมชาติ เราต้องเข้าใจว่า การรักษาสิ่งแวดล้อมก็มีความหลากหลาย และจากการเปลี่ยนแปลงตัวเองให้มาสนใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทำให้ผมเรียนรู้ว่า ใช่ มันคือการเปลี่ยนโลก แต่เราต้องเริ่มจากเปลี่ยนโลกเล็กๆ ของเราเอง แก้ไข ปรับปรุงในสิ่งที่ไม่รู้ ทำให้ดีที่สุด ไม่หยุดทำ และไม่ว่ากันเองให้เสียกำลังใจ เมื่อเราเปลี่ยนโลกของเราได้ โลกของคนอื่นก็จะเปลี่ยน แล้วเราก็จะถูกดึงดูดให้มาเจอกัน ผมเชื่อว่า โลกของเรามีอัลกอริทึ่มที่ดีไม่แพ้เฟสบุ๊กเลยละครับ”

#CanChangeTheWorld ซีรีส์สัมภาษณ์ 12 บุคคล ที่สร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับสังคมและโลกใบนี้ในแบบของตัวเอง พวกเขาไม่เพียงแต่มีความเชื่อ แต่ยังเริ่มต้นลงมือทำด้วยความไม่ย่อท้อ จนมีผลงานที่พิสูจน์ได้ว่า คนหนึ่งคนเปลี่ยนแปลงโลกอย่างที่อยากเห็นได้จริงๆ | www.greenery.org/canchangetheworld

ภาพถ่าย: สุจิตรา นาคะศิริกุล