สำหรับนักปลูกผักที่อยู่ในเมือง ‘น้ำ’ เป็นปัจจัยที่ดูเหมือนไม่น่ากังวลใจมากในการปลุกผัก เนื่องจากในเขตเมืองมีระบบน้ำประปาที่ดีและทั่วถึง และคนส่วนใหญ่น่าจะรู้หลักการง่ายๆ ของการรดน้ำพืชผักอยู่แล้ว นั่นคือ รดน้ำพืชผัก 2 ครั้งต่อวัน คือเช้าและเย็น แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีเคล็ด(ไม่)ลับที่ควรรู้ เพื่อทำให้พืชผักเจริญเติบโต ได้ผลผลิตที่น่าพอใจอีกมากมายกว่านั้น และเราขอรวบรวมมาเป็นลิสต์สำหรับทำความเข้าใจให้ง่ายขึ้น

น้ำ มีความจำเป็นในการเจริญเติบโตของพืชผัก เนื่องจากน้ำทำหน้าที่ในการละลายธาตุอาหารในดิน จากนั้นรากพืชจะดูดสารอาหารนั้นมาใช้ในการเจริญเติบโต ดังนั้นสรุปได้ว่า ‘น้ำไม่เพียงพอ ผักไม่เติบโต’

ที่เรารดน้ำช่วงเช้าและเย็น ก็เนื่องจาก

ในช่วงเช้า น้ำจะทำหน้าที่เป็นสารละลายธาตุอาหารให้แก่พืชผัก ส่วนในตอนเย็น น้ำจะช่วยลดอุณหภูมิให้แก่พืชผัก

• ก่อนเราจะทำการรดน้ำพืชผัก เราควรสังเกตพื้นดินในบริเวณที่ทำการปลูกผักเสียก่อน หากบริเวณนั้นมีความชื้นเพียงพอแล้ว โดยเฉพาะช่วงฤดูฝน เราไม่จำเป็นต้องรดน้ำเพิ่มเติม เพราะถ้าหากผักได้รับน้ำมากเกินไป อาจส่งผลให้ผักเน่าเสียหาย เจริญเติบโตได้ไม่ดีนัก ในทางกลับกัน หากในวันที่อากาศร้อนและแห้งมากเราก็ควรรดน้ำมากกว่าปกติเพื่อช่วยระบายความร้อน เพิ่มความชื้นให้แก่ดิน

 ผักส่วนใหญ่ชอบความชื้นที่สม่ำเสมอ แต่ไม่ชอบน้ำขัง ดังนั้นหากสภาพดินปลูกระบายน้ำได้ไม่ดี ควรเติมปุ๋ยหมัก และแกลบเผาเพื่อให้ดินร่วนซุย มีการระบายน้ำได้ดีเสียก่อน

• เนื่องจากในน้ำประปามีคลอรีน จึงอาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตของพืช โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่พืชผักติดดอก

เราไม่ควรนำน้ำประปามารดน้ำโดยตรง หากเป็นไปได้เราควรกักเก็บน้ำประปาอย่างน้อย ประมาณ 30 นาที แล้วค่อยรดน้ำผัก

• สำหรับการปลูกในภาชนะ เราควรรดน้ำบ่อยกว่าผักที่ปลูกลงแปลง เนื่องจากน้ำระเหยได้เร็วกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าใครปลูกผักในกระถางดินเผา น้ำจะระเหยเร็วกว่าการปลูกผักในกระถางพลาสติก โดยการรดน้ำผักที่ปลูกในกระถาง เราสามารถสังเกตได้ง่ายๆ คือ รดน้ำจนมีน้ำไหลออกจากกระถาง หรือภาชนะที่ปลูกเล็กน้อย

• สำหรับใครที่ปลูกผักบริเวณริมระเบียง ริมหน้าต่าง หรือปลูกผักบนดาดฟ้า อาจต้องทำการรดน้ำมากกว่าปกติ เนื่องจากบริเวณนั้นอาจได้รับแสงแดด และรับลมมากกว่าปกติ ซึ่งส่งผลต่อความชื้นของดินในภาชนะปลูกได้

• เราควรคลุมแปลงปลูกหรือคลุมกระถางด้วยฟางข้าว ขุยมะพร้าวสับ ใบไผ่ หรือใบไม้แห้ง เพื่อช่วยรักษาความชื้นในดิน และช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการอยู่อาศัยของจุลินทรีย์ จะช่วยทำให้พืชผักเจริญเติบโตได้ดี

นอกจากการรดน้ำตามเคล็ด(ไม่)ลับที่ได้นำเสนอไปแล้ว

เราควรบำรุงผักด้วยการรดน้ำหมักชีวภาพ โดยมีหลักการง่ายๆ คือ เราปลูกอะไรก็ใช้น้ำหมักชีวภาพชนิดนั้นบำรุง

ยกตัวอย่างเช่น หากเราต้องการบำรุงคะน้า กวางตุ้ง ผักบุ้ง ซึ่งต้องการบำรุงต้น ราก ใบให้แข็งแรง เราก็นำเศษพืชผักสีเขียว เช่น คะน้า กวางตุ้ง ผักบุ้งมาหมักกับกากน้ำตาล เราจะได้น้ำหมักชีวภาพพืชสีเขียว (สัดส่วน ผัก 3 กิโลกรัม กากน้ำตาล 1 ลิตร หมักไว้ประมาณ 7 วัน) และถ้าหากเราต้องบำรุงพืชผักที่กินดอก กินผล เราจะนำผลไม้สุก เช่น มะละกอ ฟักทอง หรือกล้วยน้ำว้ามา หมักกับกากน้ำตาล เราจะได้น้ำหมักชีวภาพผลไม้ (สัดส่วน ผลไม้ 3 กิโลกรัม กากน้ำตาล 1 ลิตร หมักไว้ประมาณ 7 วัน)

วิธีการนำไปใช้งาน เราจะใช้น้ำหมักชีวภาพประมาณ 10 ซีซี หรือประมาณ 2-3 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 10 ลิตร รดพืชผักทุกๆ 3 วัน เพียงเท่านั้นเราก็จะได้พืชผักที่เจริญเติบโต ได้ผลผลิตไว้รับประทานอย่างน่าพอใจและสบายใจแล้ว

ภาพถ่าย: กรชชนก หุตะแพทย์, ศรัณย์ แสงน้ำเพชร